ด้านทีม สิงโตคำราม ได้ แอชลี่ย์ โคล กลับมาจากพ้นโทษแบน แต่ขาดมิดฟิลด์ตัวสำคัญอย่าง แฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่เจ็บข้อมือ บิ๊กแม็ค จึงส่ง สจ็วร์ต ดาวนิ่ง ลงมาเล่นในตำแหน่งปีกซ้ายแทน และดัน สตีเว่น เจอร์ราร์ดไปยืนตำแหน่งกลาง ในขณะที่ ไมกาห์ ริชาร์ดส์ ลงมาเสียบในตำแหน่งแบ็คขวาแทน ฟิล เนวิลล์ที่สร้างผลงานไม่ค่อยดีนักในเกมที่แล้ว
เริ่มเกมในครึ่งแรก อันดอร์ร่าเปิดเกมบุกก่อน นาทีที่ 13 อังกฤษได้ลูกฟรีคิกหน้าเขตโทษ เวย์น รูนี่ย์ ทำหน้าที่สังหารแต่ก็ไม่ผ่านมือคอลโด้ อัลบาเลซ ต่อมาอีก 5 นาที สจ็วร์ต ดาวนิ่ง ทำเกมรุกขึ้นมาทางซ้าย ก่อนเปิดให้ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ซัดแต่ไปตรงตัวนายทวารเจ้าบ้าน
นาทีที่ 33 ไมการ์ ริชาร์ดส์ ทำเกมรุกขึ้นทางขวา ก่อนเปิดให้รูนี่ย์ แต่บอลหลุดไปถึงแอชลี่ย์ โคล วิ่งเข้ามาแป แต่หลุดเสาไปอย่างหวาดเสียว
ก่อนจบครึ่งแรก 6 นาที แอนดี้ จอห์นสันได้โอกาสทอง หลังเอี้ยวตัวซัดระยะ 8 หลา แต่โคลโด้ ก็ไม่พลาด พุ่งปัดออกไปได้หวุดหวิด
จบครึ่งแรกทั้งสองทีมยังทำอะไรกันไม่ได้ เสมอกันอยู่ 0-0
เริ่มเกมในครึ่งหลัง อังกฤษมาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ได้สำเร็จในนาทีที่ 54 เมื่อ อารอน เลนน่อน โยนบอลจากกราบขวาไปถึงหน้าประตู เข้าทางเวย์น รูนี่ย์ที่กระดกบอลต่อให้ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ซัดไม่ต้องจับบอลเสียบเสาแรกเข้าแบบเฉียบขาด
นาที่ที่ 75 อังกฤษมาได้ประตูที่สองเพิ่ม จังหวะที่เจอร์ราร์ด เจ้าเก่า เล่นบอลชิ่งกับเจอร์เมน เดโฟ ก่อนเจ้าตัวจะแปเน้นๆ เข้าประตูอย่างสมบูรณ์แบบ อังกฤษขึ้นนำห่าง 2-0 อังกฤษไม่ยอมออมมือพับสนามบุกลูกเดียว
จนในนาทีที่ 90 ทีมสิงโตคำรามก็มาได้ประตูที่สามจาก เดวิด นูเจนท์ ซึ่งเป็นประตูแรกที่เล่นให้แก่ทีมชาติอังกฤษนัดแรก
จบเกม อังกฤษเอาชนะอันดอร์ร่าไปได้แบบน่าพอใจ 3-0
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
อันดอร์ร่า : คอลโด้ อัลบาเรซ, ออสการ์ ซอเนยี่, อันโตนี่ ลิม่า, โฆเซ่ มานูเอล อยาล่า, มาร์ค เบร์นาอุส, ฆอร์ดี้ เอสกูร่า, มาร์โช่ วิเอร่า, เกนิส การ์เซีย, ฆุสโต้ รูอิซ, มาร์ค ปูโยล, ฆวน การ์ลอส ตอสกาโน่
อังกฤษ : พอล โรบินสัน, ไมกาห์ ริชาร์ดส์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล, อารอน เลนน่อน, โอเว่น ฮาร์กรีฟส์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, สจ็วร์ต ดาวนิ่ง, เวย์น รูนี่ย์, แอนดี้ จอห์นสัน