
ภาพ AFP
"ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังจะต้องลงเล่นในเกมที่ถือเป็นศึกหนักที่สุดในฤดูกาลนี้ นั่นก็คือการบุกไปเยือน บาเยิร์น มิวนิค ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดที่ 2 คืนนี้ วันพุธที่ 9 เมษายน
นี่คือศึกอันใหญ่หลวงของ แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างแท้จริง เพราะใครๆ ก็รู้ว่า บาเยิร์น คือเจ้าของตำแหน่งแชมป์เมื่อฤดูกาลก่อน และยิ่งไปกว่านั้น บาเยิร์น ในชั่วโมงนี้คือทีมที่ดีที่สุดในยุโรปหรือของโลกด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม แฟน "ปิศาจแดง" ไม่ใช่ว่าจะหมดความหวังซะทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากได้ย้อนไปดูสถิติแล้วพบว่าช่วงปีหลังๆ ที่ผ่านมา บาเยิร์น มีผลงานย่ำแย่แค่ไหนในการเล่นกับทีมจากเมืองผู้ดีในบ้านตัวเอง
นับเริ่มต้นจากในปี 2012 เกมนัดชิงชนะเลิศ ที่ บาเยิร์น พ่ายการดวลจุดโทษต่อ เชลซี นั่นถือได้ว่า เป็นการพลาดท่าคาสนาม อัลลิอันซ์ อารีน่า ตัวเอง และหลังจากนั้น ในการเปิดบ้านเผชิญหน้ากับทีมจากอังกฤษอีก 4 ครั้ง "เสือใต้" ไม่เคยคว้าชัยชนะได้อีกเลย
บาเยิร์น เจอกับ อาร์เซน่อล ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย มา 2 ปีติดต่อกัน โดยปีก่อนเกมที่เล่นในบ้านแพ้ไป 0-2 มาปีนี้ที่เพิ่งผ่านไปเมื่อเดือนก่อนก็ได้แค่เสมอ 1-1 ส่วนเกมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในรอบแบ่งกลุ่ม ทีม "เสือใต้" ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็เสียฟอร์ม พ่ายคาบ้าน 2-3
ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ เดวิด มอยส์ กุนซือของ แมนฯ ยูไนเต็ด เองก็ทราบดี โดยกล่าวว่า "ผมคิดว่าพวก บาเยิร์น คงคิดมากเรื่องนี้มากกว่าเราซะอีก เรื่องที่ทีมจากอังกฤษมีสถิติที่ดีเสมอเวลามาเล่นที่นี่ พวกเขาคงต้องกังวลกับเรื่องนี้ พวกเขาคือแแชมป์ยุโรป แต่พวกเขาคงต้องคาใจกับเกมที่เคยเล่นกับทีมจากอังกฤษ เราจะใช้ข้อนี้ให้เป็นความได้เปรียบ"
หาก มอยส์ นำทีมฝ่าด่าน บาเยิร์น ผ่านเข้ารอบได้จริงๆ นั่นคงจะเป็นผลงานที่ถือได้ว่าประสบความสำเร็จเกินตัวสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด หากดูจากฟอร์มการเล่นตลอดทั้งฤดูกาลนี้
"มันเป็นงานยากที่สุดตั้งแต่ผมทำงานคุมทีมมา ด้วยระดับของคู่แข่ง ด้วยการแข่งขันที่มันมาถึงรอบนี้แล้ว แน่นอนว่ามันเป็นเกมที่ยากที่สุด แต่ผมก็รออยากให้ถึงเกมนี้ มันเป็นเกมนัดที่สองในรอบก่อนรองฯ แชมเปี้ยนส์ ลีก และเป็นโอกาสที่จะได้เข้าไปตัดเชือก มันเป็นเกมที่สำคัญมาก" มอยส์ กล่าว