คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลิโอเนล เมสซี่ นำคนลูกหนังอาลัย อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่


ภาพ AFP


ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สองยอดดาวเตะแห่งยุค พร้อมกับเหล่าดาวดังในวงการลูกหนัง ต่างแสดงถึงความอาลัยต่อการจากไปของ อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ ตำนานดาวเตะที่ได้เสียชีวิตลงเมื่อวันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม ด้วยวัย 88 ปี


ดิ สเตฟาโน่ ซึ่งเป็นตำนานตลอดกาลของ เรอัล มาดริด มีอาการหัวใจวายเฉียบพลันและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ก่อนจะสิ้นลมจากไปอย่างสงบในที่สุด


โรนัลโด้ ซึ่งถือเป็นผู้สืบสนามความยิ่งใหญ่ของ "ราชันชุดขาว" ในยุคปัจจุบัน โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า "วันนี้เป็นวันเศร้า สำหรับผม, สำหรับชาว เรอัล มาดริด และสำหรับวงการฟุตบอลทั่วโลก"


"ท่าน อัลเฟรโด้ จากพวกเราไปแล้ว แต่ความทรงจำเกี่ยวกับเขาจะอยู่ในใจเราตลอดไป ตำนานไม่มีวันตาย ขอบคุณสำหรับทุกสิ่ง" กัปตันทีมชาติโปรตุเกสระบุ


ด้าน เมสซี่ ซึ่งเป็นนักเตะชาวอาร์เจนไตน์รุ่นหลาน ก็โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ค ว่า "ท่าน อัลเฟรโด้ จะอยู่กับเราตลอดไป ตำนานและผู้ยิ่งใหญ่ทั้งในและนอกสนาม ขอส่งกำลังใจถึงครอบครัวและผู้ใกล้ชิดของท่าน"

 

 

 

แม้แต่ เปเล่ ยังยกให้ ดิ สเตฟาโน่ เป็นนักฟุตบอลที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่โลกเคยมี

 


นอกจากนี้ ดาวเตะชื่อดังทั้ง หลุยส์ ซัวเรซ กับ เมซุต โอซิล ก็ได้ส่งโพสต์ข้อความแสดงความเสียใจต่อการจากไปของ ดิ สเตฟาโน่ ด้วย ขณะที่ บิเซนเต้ เดล บอสเก้ เทรนเนอร์ทีมชาติสเปน กล่าวว่า "ผมรู้จักเขาดีและรู้สึกเศร้าเป็นอย่างยิ่งกับการจากไปของเขา ขอส่งกำลังใจถึงเพื่อนและครอบครัวของเขา และโดยเฉพาะชาว เรอัล มาดริด ที่ต้องเจอกับวันเศร้าในวันนี้"


ขณะที่ เปเล่ "ราชันลูกหนังโลก" ซึ่งเคยประชันฝีเท้ากับ ดิ สเตฟาโน่ ระบุว่า "คนชอบคุยแค่เรื่องของ เปเล่ กับ มาราโดน่า แต่ ดิ สเตฟาโน่ นี่และเจ๋งที่สุด เขาสมบูรณ์แบบกว่าเราเยอะ"


สำหรับ ดิ สเตฟาโน่ เกิดที่กรุง บัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา บิดา-มารดาเป็นชาวอิตาลี เริ่มต้นเล่นฟุตบอลอาชีพกับ ริเวอร์เพลท ในปี 1945 และหลังจากชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือข้ามทวีปไปถึงยุโรป สองยักษ์ใหญ่ของสเปน ทั้ง เรอัล มาดริด กับ บาร์เซโลน่า เลยแย่งตัวกันอุตลุตจนกระทั่งเป็นเหตุขัดแย้งบานปลายแทบจะเป็นปัญหาการเมือง ก่อนจะเป็น "ราชันชุดขาว" ที่ได้ตัว ดิ สเตฟาโน่ ไปร่วมทีมในที่สุด


หลังจากได้เล่นให้ เรอัล มาดริด อย่างเป็นทางการ เพียงแค่ฤดูกาลแรก ดิ สเตฟาโน่ ก็นำทีมคว้าแชมป์ลีกได้เป็นครั้งแรกในรอบ 21 ปี แต่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการช่วยให้ "ราชันชุดขาว" ครองบัลลังก์เจ้ายุโรป ได้แชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ 5 สมัยรวด ตั้งแต่ปี 1956 ถึง 1960 


ดิ สเตฟาโน่ เป็นเจ้าของรางวัล บัลลง ดอร์ 2 สมัยในปี 1957 และ 1959 รวมทั้งรางวัลเชิดชูเกียรติระดับสูงสุดอีกหลายสถาบัน ในฐานะ 1 ในผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของวงการลูกหนัง

 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลิโอเนล เมสซี่ นำคนลูกหนังอาลัย อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ อัปเดตล่าสุด 8 กรกฎาคม 2557 เวลา 12:34:18 3,770 อ่าน
TOP