ภาพข่าว สปอร์ต ฮีโร่ จำกัด
ทีมชาติไทยของ "โค้ชซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง สามารถผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศรายการ เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2014 เป็นผลสำเร็จ ด้วยการรวบรวมเอาเหล่าผู้เล่นดาวรุ่งฝีเท้าเจ๋งมากมายมารวมตัวกัน บวกกับผู้เล่นเก๋าประสบการณ์บางส่วน โดยในแมตช์ที่ 2 ของรอบรองชนะเลิศ ไทย สามารถเอาชนะ ฟิลิปปินส์ ได้อย่างราบคาบ 3-0 พร้อมกับการกำเนิดระบบการเล่นใหม่ที่เราไม่เคยใช้คือดันมิดฟิลด์ตัวรุกขึ้นไปยืนในตำแหน่งกองหน้าตัว "Fasle 9" คล้าย ๆ กับที่ เชสก์ ฟาเบรกัส เคยลงเล่นให้กับทีมชาติสเปน
ก่อนหน้านี้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เคยให้สัมภาษณ์ว่าผู้เล่นในแนวรุกของเขาทุกคนสามารถขึ้นไปเล่นเป็นกองหน้าได้แบบสบาย ๆ ซึ่งเขาได้แสดงกึ๋นในการทำทีมให้เห็นแล้วว่าทุกอย่างที่เขาพูดมาเป็นความจริง ด้วยการดัน "เมสซี่เจ" ขึ้นไปรับบทบาท False 9 กองหน้าที่คอยใช้ความสามารถของตัวเองพาบอลเคลื่อนที่ไปข้างหน้า พร้อมกับดึงแนวรับของฝั่งตรงข้ามให้หลุดออกจากตำแหน่งเพื่อเปิดช่องให้เพื่อนร่วมทีมเข้าทำ
แน่นอนว่าผู้เล่นอย่าง มงคล ทศไกร, เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์, ชาริล ชัปปุยส์ หรือว่า ประกิต ดีพร้อม คอยจ้องที่จะทะลุเข้าไปในกรอบเขตโทษตามแทคติกอยู่แล้ว ซึ่งอย่างที่ทุกคนได้เห็นมันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ การหลุดเข้าไปทำประตูของ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ถึง 2 ประตูก็มาจากการที่แบ็คขวาของ ฟิลิปปินส์ หลุดตำแหน่งออกไป หรือว่าในจังหวะที่ ประกิต ดีพร้อม ได้บอลหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ พร้อม ๆ กับ ชาริล ชัปปุยส์ นั่นก็เป็นอีกหนึ่งจังหวะที่ทำได้ดี ขณะที่วิงแบ็คทั้ง 2 ฝั่ง ก็สามารถหลุดขึ้นมาเติมสวย ๆ ได้หลายโอกาสเหมือนกัน
ทั้งนี้หากว่าทีมชาติไทยสามารถเป็นแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ ได้สำเร็จ "โค้ชซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง จะถูกจารึกเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์วงการลูกหนังอาเซียนอย่างแน่นอนเมื่อกลายเป็นบุคคลแรกที่เคยเป็นแชมป์ในรายการนี้มาแล้วทั้งสมัยเป็นนักเตะ และการกลับมาเป็นโค้ช
ขอบคุณข้อมูลจาก อีเอสพีเอ็น