ภาพข่าว สปอร์ต ฮีโร่ จำกัด
การแข่งขัน ศึกชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ เริ่มการแข่งขันเป็นครั้งแรกใน ปี 2511 ซึ่งในยุคแรก ๆ การแข่งขันของรายการนี้จะมีทีมเข้าร่วมทั้งหมด 8 ทีม ด้วยกัน และแบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 สาย ซึ่งทีมชาติไทยก็จะแบ่งเป็น ทีมชาติไทยชุด เอ กับ ทีมชาติไทยชุด บี เป็นทีมวางของทั้งสองสาย
ทว่าเมื่อกาลเวลาผ่านเลยมาเรื่อย ๆ ความนิยมของ ฟุตบอลคิงส์คัพ ก็เริ่มได้รับความนิยมน้อยลงไป ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะว่าผลงานของทีมชาติในช่วงหนึ่งไม่สู้ดีเอาซะเลย เมื่อแพ้มากกว่าชนะทำให้ศรัทธาของแฟนบอลก็เริ่มหดหายไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ซะทั้งหมด
ผู้เล่นชุดในตำนานศึกคิงส์คัพที่นำโดย ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน
อีกอย่างก็คือทีมใหญ่ ๆ ที่เคยมาแข่งขันกันเป็นประจำอย่าง เกาหลีใต้ หรือว่า ญี่ปุน นักเตะชุดใหญ่ของพวกเขาก็เริ่มทยอยออกไปค้าแข้งกันในยุโรปแล้ว ทำให้การที่จะมารวมตัวแข่งขันกันในทัวร์นาเม้นท์ที่ออกแนวกึ่ง ๆ เตะกระชับมิตรมันก็ยาก
โดยในปัจจุบันนี้การแข่งขัน คิงส์คัพ ก็จะเหลือทีมที่เข้าแข่งขันเพียงแค่ 4 ทีม เท่านั้น เนื่องด้วยกฎเกณฑ์ของทาง ฟีฟ่า และเอเอฟซี ได้ระบุเอาไว้ว่า รายการแข่งขันที่จัดแข่งทุกปีจะต้องมีทีมเข้าร่วมการแข่งขันไม่เกิน 4 ทีม แต่หากเป็นทัวร์นาเม้นท์ที่แข่งปีเว้นปีก็จะมีทีมแข่งขันได้ไม่เกิน 8 ทีม
แน่นอนว่า คิงส์คัพ อาจจะถูกเมินเฉยมากพอสมควรเพราะว่าเป็นรายการแข่งขันที่ไม่ได้มีผลอะไรมากนักผิดกับรายการใหญ่ ๆ อย่าง เอเชียนคัพ, อาเซียนคัพ, ปรีโอลิมปิก หรือว่าซีเกมส์ เป็นต้น
เมื่อครั้งที่คว้าแชมป์คิงส์คัพ เหนือทีมอย่าง "โสมแดง" เกาหลีเหนือ
แต่ยังไงก็ตามด้วย มนตร์ขลังแห่งคิงส์คัพ ก็สามารถแจ้งเกิดให้กับนักเตะได้หลายคนเลยทีเดียว โดยเฉพาะชุดดรีมทีมที่นำโดย เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เฮดโค้ชคนปัจจุบันของทีมชาติไทย เมื่อปี 2536 ที่ลงแข่งขันในนาม ทีมชุดบี แต่กลับคว้าแชมป์มาครองได้อย่างฮือฮา
แม้ว่าในปัจจุบันคนไทยหรือว่าเพื่อนบ้านของเราจะมีรายการแข่งขันที่สำคัญมากมายเพิ่มขึ้นกว่าเดิม แต่ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของการแข่งขันคิงส์คัพ มันจำเป็นอย่างยิ่งที่รายการแข่งขันฟุตบอลที่อยู่คู่กับวงการฟุตบอลไทยมานานแบบนี้ สมควรที่จะมีอยู่สืบไปอีกนานเท่านาน