
บาร์เซโลน่า ผ่าน บาเยิร์น มิวนิค เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้อย่างภาคภูมิด้วยประตูรวม 2 เกม 5-3 พร้อมกับเสียงยกย่องการประสานงานของ "MSN" ลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ และ เนย์มาร์ 3 ประสานแนวรุกที่ในนาทีนี้ฟอร์มร้อนแรงที่สุดใน 3 โลก
แน่นอนพวกเขาทั้ง 3 คือแผนกกระซวกประตูคู่ต่อสู้ที่สำคัญต่อทีมมาก แต่ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าผู้ที่มีส่วนสำคัญทำให้ "เจ้าบุญทุ่ม" สามารถเข้ารอบชิงชนะเลิศได้นั้นเป็นเพราะการโชว์ฟอร์มซูเปอร์เซฟของ มาร์ค-อังเดร แทร์ สเตเก้น ผู้รักษาประตูจอมหนึบของทีม
นอกเหนือจาก 2 ประตูสำคัญของ เนย์มาร์ ต้องยอมรับว่า ถ้าไม่มีจอมหนึบวัย 23 ปี ผู้นี้ "บาร์ซ่า" อาจจะต้องเจองานที่ยากลำบากกว่าที่เห็น เพราะตลอดทั้งเกมที่ "อลิอันซ์ อารีน่า" มาร์ค-อังเดร แทร์ สเตเก้น ช่วยเชฟลูกสำคัญเอาไว้หลายต่อหลายลูกด้วย
จังหวะเซฟที่จะกลายเป็นที่เล่าขานไปอีกนาน
โดยเฉพาะช็อตเซฟที่ติดตาแฟนบอลทั่วโลกที่เขาป้องกันลูกยิงเต็มแรงของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ในจังหวะแรกจนลูกบอลกำลังจะกลิ้งเข้าประตูไป แต่ก็ตามไปควักออกมาจากเส้นประตูแทบทันควัน แสดงให้เห็นถึงปฏิกิริยาอันรวดเร็วของมือกาวผู้นี้
หลุยส์ เอ็นริเก้ ได้เลือกให้ เคลาดิโอ บราโว่ เป็นผู้รักษาประตูขาประจำของ ลาลีกา ส่วน แทร์ สเตเก้น รับหน้าที่ใน โกปา เดล เรย์ และ แชมเปี้ยนส์ ลีก หลายคนอาจจะบอกว่า บราโว่ คือผู้รักษาประตูที่มีคุณภาพ และมีประสบการณ์ระดับชาติกับ ทีมชาติชิลี แต่ แทร์ สเตเก้น ได้แสดงให้ทุกคนได้เห็นถึงคุณภาพ และความสามารถที่เกินอายุสำหรับฤดูกาลแรกของเขาในเวที แชมเปี้ยนส์ ลีก
แน่นอนว่าเกมนี้เขาถูกเจาะตะข่ายไปถึง 3 ลูก และ บาร์เซโลน่า ก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป แต่ถ้าเราดูภาพรวมของเกมจะเห็นได้ว่า นายทวารทีมชาติเยอรมนี มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากในการพาทีมทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศที่ เบอร์ลิน เยอนมนี และมีลุ้นชูถ้วย "บิ๊กเอียร์" ในฤดูกาลนี้
ภาพ AFP