"โค้ชซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ถือว่าเป็นผู้ที่เข้ามารีระบบของทีมชาติไทยใหม่ทั้งหมด ทั้งการให้โอกาสดาวรุ่งฝีเท้าดีก้าวขึ้นมาติดทีมชาติ และยังพร้อมที่จะให้โอกาสบรรดาแข้งจากทีมเล็กทีมน้อยที่สร้างผลงานได้ดีเข้ามาสู่แคมป์ทีมชาติด้วย ซึ่งผลงานก็มีให้เห็นกันอยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร...
ซึ่งในทีแรกเท่าที่จำได้ทาง "โค้ชซิโก้" เอง ได้เคยบอกเอาไว้ว่าเขานั้นจะดูแลทีมชาติไทยทุกชุดเพื่อให้ระบบการเล่นเหมือนกัน และเมื่อนักเตะจากรุ่นเยาวชนเติบโตขึ้นมาสู่ชุดใหญ่ก็จะได้ไม่ต้องมาเรียนรู้เรื่องระบบกันใหม่อีก โดยพร้อมที่จะส่งทีมสตาฟโค้ชไปดูแลเยาวชนแต่ละชุด
โดยแนวทางนี้มันเคยสำเร็จมาแล้วกับทีมชาติเยอรมนีที่สามารถคว้าแชมป์โลกมาครองได้ในปี 2014 ซึ่งทาง โยอาคิม เลิฟ เทรนเนอร์แชมป์โลก เป็นคนเอ่ยปากเองว่าการที่ทีมมาถึงตรงนี้ได้ มันต้องมีการเตรียมความพร้อมมาเป็นสิบ ๆ ปี เพราะว่าอะไร ?? เพราะว่าทุกอย่างมันต้องเริ่มต้นมาในทิศทางเดียวกัน อย่างโรงเรียนในเยอรมันทั้งหมดจะให้ทีมของโรงเรียนนั้น ๆ เล่นระบบเดียวกับทีมชาติเลย เช่นเดียวกันกับทีมชาติเยาวชนทุกชุด เพื่อให้ผู้เล่นเข้าใจในเรื่องของระบบการเล่นได้อย่างถ่องแท้ และนี่คือสิ่งที่ โยอาคิม เลิฟ เคยกล่าวเอาไว้
ในการแข่งขัน เอเอฟเอฟ ยู-16 แชมป์เปี้ยนชิพ 2015 ไทย ประเดิมสนามพ่าย ลาว 0-1
ทว่ากับทีมชาติไทยในตอนนี้มันไม่เป็นอย่างนั้นซะแล้ว เมื่อทีมชาติชุด ยู-16 กับ ยู-19 ไม่ได้อยู่ในการดูแล และวางระบบของ "โค้ชซิโก้" อีกต่อไป ทั้ง ๆ ที่ในตอนแรกก็คุยกันเอาไว้แล้วว่าทีมชาติไทยจะต้องเดินไปในทิศทางเดียวกันตั้งแต่รุ่นเยาวชนไปจนถึงชุดใหญ่
แน่นอนว่าเยาวชนทีมชาติรุ่น ยู-16 กับ ยู-19 มันคือช่วงรอยต่อพอดีที่เด็ก ๆ กำลังจะเริ่มต้นเข้าสู่ทีม ยู-21 และทีมชาติชุดใหญ่ต่อไป แต่ในเมื่อด้วยระบบที่เขาเรียนรู้มาจากตอนเป็นเยาวชนมันไม่ได้เหมือนกับทีมชุดใหญ่ ทีนี้ก็ต้องมาเรียนรู้ระบบกันใหม่อีก แทนที่จะโตปุ๊บใช้งานได้เต็มที่เลยกลับต้องมาเรียนรู้กันใหม่
เอาจริง ๆ ตั้งแต่ทีมชาติเยาวชน ยู-13 ขึ้นไปเนี่ย ก็น่าจะใช้ระบบเดียวกับที่ทีมชาติชุดใหญ่ใช้นะ เพื่ออนาคตของฟุตบอลทีมชาติไทยเอง ... มาถึงตรงนี้แล้ว สามัคคีคือพลัง ครับ
ภาพข่าว : สปอร์ต ฮีโร่ จำกัด, aseanfootball.org