Classic Football : หลุยส์ ฟาน กัล จอมปรัชญาที่ในวันนี้แฟนผีไม่เอา

สำหรับแฟน แมนฯ ยูไนเต็ด แล้ว ชั่วโมงนี้ หลุยส์ ฟาน กัล คงจะอยู่ในสถานะของตัวร้ายเต็มตัว อยากจะให้พ้นจากตำแหน่งไปได้ซะที

จะด้วยท่าที บุคลิกภาพ คำพูดจา ที่ออกไปในทางที่ไม่เป็นมิตรกับใครสักเท่าไหร่ หรืออะไรก็ตาม แต่สำคัญที่สุดก็คือผลงานของทีมในตอนนี้ที่ย่ำแย่และดูจะมีแต่ถอยหลังไปเรื่อย ๆ นั่นแหละทำให้เหล่า เร้ด อาร์มี่ เฝ้ารอให้สโมสรมีแถลงการณ์สำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในตำแแหน่งผู้จัดการทีม 

ยิ่งมี โชเซ่ มูรินโญ่ รอสแตนด์บายอยู่ แฟนผียิ่งลุ้นกันออกหน้าออกตาจนทำให้ดูเหมือนว่าทุกคนลืมไปแล้วว่าย้อนไปแค่ 18 เดือนก่อน ตอนที่ ฟาน กัล เข้ามารับงานคุมทีม สาวก แมนฯ ยูไนเต็ด ยินดีและมีความหวังกันมากแค่ไหน

บางคนตั้งท่าไล่ชนิดที่ไม่สนเลยว่าโค้ชระดับ ฟาน กัล ผ่านอะไรมาบ้าง สั่งสมความสำเร็จมาตั้งเท่าไหร่ หรือหลายคนที่เป็นแฟนบอลรุ่นใหม่ ๆ ก็ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำ

หลุยส์ ฟาน กัล อาแจ็กซ์

หลุยส์ ฟาน กัล สร้างชื่อระดับอินเตอร์ครั้งแรก ด้วยการนำ อาแจ็กซ์ ที่มีแต่ดาวรุ่งเกือบทั้งทีมผงาดคว้าแชมป์ยุโรป

ย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ฟาน กัล สร้างชื่อโด่งดังขึ้นมาในฐานะเทรนเนอร์ที่ฝีมือดีที่สุดในโลกคนหนึ่ง (ไม่ต่างจาก มูรินโญ่ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา)

เขาเคยคว้ารางวัลผู้จัดการทีมแห่งปีของ เวิลด์ ซอคเกอร์ แม็กกาซีน ในปี 1995 และอีกหนึ่งความยอดเยี่ยมของ ฟาน กัล ก็คือ ในการคุมทีมระดับสโมสร ไล่ตั้งแต่ อาแจ็กซ์, บาร์เซโลน่า, อาแซด อัลค์มาร์ และ บาเยิร์น มิวนิค เขานำทีมคว้าแชมป์ได้ทุกทีม จะมีก็แค่การคุมทีมชาติฮอลแลนด์ 2 สมัย ที่ไม่สามารถนำทีมไปถึงแชมป์ได้ (ดีที่สุดคืออันดับ 3 ใน ฟุตบอลโลก 2014) และรวมถึง แมนฯ ยูไนเต็ด ในตอนนี้

ผลงานระบือลือลั่น ของ ฟาน กัล ก็คือนำ อาแจ็กซ์ ที่มีแต่ดาวรุ่งทั้งทีม ผงาดเป็นแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 1995 และส่งผลให้นักเตะจากทีมชุดนั้นขึ้นหิ้งกลายเป็นดาวค้างฟ้าของวงการเพียบ ไม่ว่าจะเป็น พาทริค ไคลเวิร์ต, มาร์ค โอเวอร์มาร์ส, แฟร้งค์ และ โรนัลด์ เดอ บัวร์, เอ็ดการ์ ดาวิดส์, คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ และ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ พวกนี้ล้วนมาจากการปลุกปั้นของ ฟาน กัล

ในปี 1997 ฟาน กัล ก็ได้รับงานใหญ่ย้ายมาคุมทีม บาร์เซโลน่า แทน เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน ถึงตอนนี้ปรัชญาฟุตบอลของ ฟาน กัล เริ่มโดดเด่นขึ้น ความเป็นตัวตนของเขาชัดเจนขึ้น และที่ บาร์ซ่า นี่เองที่เขาได้ร่วมงานกับมือขวาอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่

ฟาน กัล เข้ามาเปลี่ยนแปลงทีมที่มีผู้เล่นเหลือมาจากชุดยิ่งใหญ่ของ โยฮัน ครัฟฟ์ และ บ็อบบี้ ร็อบสัน สตาร์ดังอย่าง โรนัลโด้ และ ฮริสโต้ สตอยช์คอฟ ถูกปล่อยออกจากทีม โดยมีบรรดานักเตะดัตช์ที่เป็นลูกรักถูกดึงเข้ามาแทน จนในฤดูกาล 1998-99 ทีมชุดใหญ่ของ บาร์ซ่า มีผู้เล่นชาวฮอลแลนด์อยู่ถึง 8 คน

หลุยส์ ฟาน กัล ริวัลโด้

ดาราระดับ ริวัลโด้ ก็ดับเอาดื้อ ๆ เมื่อกล้ามามีเรื่องกับ ฟาน กัล

สองฤดูกาลแรกที่ บาร์ซ่า เขานำทีมคว้า ลา ลีกา ติดต่อกัน แต่ด้วยความเป็นตัวของตัวเองสูงทำให้ ฟาน กัล มีปัญหากับคนรอบข้างไปทั่ว ไม่ว่าจะกับลูกทีม หรือสื่อมวลชน และเมื่อซีซั่นที่ 3 ทีมไม่สามารถรักษาแชมป์ลีกได้ เขาก็ตัดสินใจกลับบ้านเกิด โดยมีงานคุม ทีมชาติฮอลแลนด์ รออยู่

อย่างไรก็ตาม มารับงานคุมทีมชาติครั้งนี้ถือเป็นการเสียประวัติ และเสียหน้า เพราะทีมชาติฮอลแลนด์ไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่น ฟุตบอลโลก 2002 รอบสุดท้ายได้ 

หลังจากนั้น ฟาน กัล ได้รับโอกาสให้กลับมาคุมทีม บาร์เซโลน่า อีกครั้งในฤดูกาล 2002-03 แต่คราวนี้กลับเสียหน้ากว่าเดิมอีก เพราะอยู่ได้ถึงเดือนมกราคม ก็โดนปลดเพราะผลงานในลีกย่ำแย่อยู่อันดับ 12 มิหนำซ้ำที่แสบกว่าก็คือ ก่อนโดนปลดไม่กี่วันเขาดันไปอนุมัติปล่อย ริวัลโด้ ซูเปอร์สตาร์ของทีมให้เซ็นสัญญาไปเล่นกับ เอซี มิลาน แบบไม่มีค่าตัวทั้งที่ยังเหลือสัญญากับทีมอีก 1 ปี ส่วนพวกที่ซื้อเข้ามา ทั้ง โรเบิร์ต เอ็งเค่, กาอิซก้า เมนดิเอต้า และ ฮวน โรมัน ริเกลเม่ ถือว่าล้มเหลวที่ บาร์ซ่า ทั้งหมด

ปี 2004 ฟาน กัล กลับไปยัง อาแจ็กซ์ รับบทบาทผู้อำนวยการเทคนิค แต่ก็อยู่ได้ปีเดียวเพราะไม่ลงรอยกับเทรนเนอร์ โรนัลด์ คูมันน์ ก็เลยต้องกลับไป อาแซด อัลค์มาร์ ในปี 2005 จับงานโค้ชอีกครั้ง และที่นี่เองที่เขาได้โอกาสกอบกู้ชื่อเสียงกลับมาอีกครั้ง

ฟาน กัล มูรินโญ่

เกือบสร้างประวัติศาสตร์ได้สำเร็จใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2010 แต่ดันมาแพ้ลูกศิษย์อย่าง โชเซ่ มูรินโญ่

ฟาน กัล คุมทีม อาแซด อยู่ 4 ปี และประสบความสำเร็จสูงสุดด้วยการนำทีมคว้าแชมป์ลีก เอเรดิวิซี่ ซีซั่น 2008-09 และนั่นคือที่มาที่ทำให้เขาได้รับโอกาสให้จับงานใหญ่อีกครั้ง ในการคุมทีม บาเยิร์น มิวนิค

ที่ บาเยิร์น ฟาน กัล โชว์ฝีมือระดับมาสเตอร์พีซอีกครั้ง เขานำทีม บาเยิร์น คว้าดับเบิ้ลแชมป์ในประเทศ และเกือบจะสร้างประวัติศาสตร์คว้าเทรเบิ้ลแชมป์ได้แล้ว น่าเสียดายที่ "เสือใต้" ไปพ่ายต่อ อินเตอร์ มิลาน ของ โชเซ่ มูรินโญ่ ในนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

นอกจากนำทีมคว้าแชมป์ ฟาน กัล ยังฝากผลงานในการปั้นนักเตะเยาวชนอย่าง โธมัส มุลเลอร์ และ โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์ ขึ้นมาแจ้งเกิดจนติดทีมชาติเยอรมนี และยังเป็นคนจับ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ เปลี่ยนจากปีกไปเล่นมิดฟิลด์ตัวกลางด้วย

แต่ก็เหมือนเดิม แม้จะประสบความสำเร็จแค่ไหน แต่ความเป็นจอมปรัชญาของ ฟาน กัล ก็สร้างปัญหากับคนรอบตัว และในฤดูกาลที่สองเขาก็โดน บาเยิร์น ปลด โดยที่ยังไม่ทันจบซีซั่นด้วยซ้ำ

ฟาน กัล ทีมชาติฮอลแลนด์

สร้างเครดิตกลับมาอีกครั้งกับผลงานนำทีมชาติฮอลแลนด์ ได้ที่ 3 ใน ฟุตบอลโลก 2014

เส้นทางของ ฟาน กัล กลับมาสู่การคุมทีมชาติอีกครั้ง และคราวนี้ไม่มีการผิดพลาดเหมือนครั้งแรก เขานำทีมชาติฮอลแลนด์ผ่านเข้าไปเล่น ฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้าย ได้สำเร็จ ทีมไปได้ไกลถึงตำแหน่งอันดับ 3 ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่สวยงาม 

ทั้งหมดคือเรื่องราวของ หลุยส์ ฟาน กัล ก่อนที่จะเข้ามาคุมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 2014-15 และกลายเป็นจอมปรัชญาที่แฟนผีไม่เอาในวันนี้

ภาพ AFP

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
Classic Football : หลุยส์ ฟาน กัล จอมปรัชญาที่ในวันนี้แฟนผีไม่เอา อัปเดตล่าสุด 22 ธันวาคม 2558 เวลา 17:36:50 10,480 อ่าน
TOP