แมนยู v ลิเวอร์พูล - ท็อป 5 ศึกสายเลือด - ทีมอังกฤษเจอกันเองในบอลยุโรป

ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายศึก ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก แฟนบอลจะได้เห็นการทำศึก "แดงเดือด" ครั้งแรกในเวทียุโรประหว่าง ลิเวอร์พูล และแมนฯ ยูไนเต็ด

ซึ่งทัพ "หงส์แดง" จะรับหน้าที่เป็นเจ้าบ้านก่อนในเกมแรกในคืนวันฟฤหัสบดีที่ 10 มีนาคมนี้ เวลา 03.05 น. และจะไปเล่นนัดที่สองที่ "โอลด์ แทรฟฟอร์ด" ในคืนวันฟฤหัสบดีที่ 17 มีนาคมนี้ในเวลาเดียวกัน

เพื่อเป็นการโหมโรงก่อนศึก "แดงเดือดกลางสมรภูมิยุโรป" สื่อชื่อดังอย่าง "เดอะ ซัน" ได้ทำการรวบรวมท็อป 5 ศึกสายเลือดทีมจากอังกฤษที่ต้องมาเจอกันเองในบอลยุโรปเมื่อครั้งอดีตมาให้ชมกัน :

 

รอบก่อนรองชนะเลิศ 2003-04

เชลซี 1-1 อาร์เซน่อล

อาร์เซน่อล 1-2 เชลซี

"ลอนดอนดาร์บี้เวอร์ชั่นยุโรป" เกิดขึ้นในรอบ 8 ทีม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยในเกมแรกดูเหมือนลูกทีมของ อาร์แซน แวนเกอร์ จะกุมความได้เปรียบ และประตูสู่การเข้ารอบเปิดรออยู่เมื่อได้หนึ่งประตูทีมเยือนจาก โฆเซ่ อันโตนิโอ เรเยส

แต่ทว่าในเกมที่สอง เชลซี ของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ต้องทำให้แฟนบอล "ปืนใหญ่" ช็อก เมื่อพวกเขาพลิกสถานการ์กลับผู้ชนะโดยได้หนึ่งประตูจาก แฟร้งค์ แลมพาร์ด และประตูชัยใน น.87 จาก เวย์น บริดจ์ ส่งให้ "สิงห์บลูส์" ปาดหน้าคู่แข่งร่วมเมืองเข้ารอบรองชนะเลิศไปได้สำเร็จ

 

รอบรองชนะเลิศ 2004-05

เชลซี 0-0 ลิเวอร์พูล

ลิเวอร์พูล 1-0 เชลซี

ลิเวอร์พูล ของ ราฟา เบนิเตซ เพิ่งอกหักพลาดแชมป์ลีกคัพด้วยน้ำมือของ เชลซี ของ โชเซ่ มูรินโญ่ และต้องมาเจอกันอีกในรอบรองชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยเกมแรกเสมอกันไปแบบไร้สกอร์ แต่ทว่าในเกมที่สองที่  "แอนฟิลด์" ก็เกิดเรื่องราวที่เป็นประเด็นให้ถกเถียงกันไม่จบสิ้นจนถึงปัจจุบันใน 60 วินาทีแรกของเกม

เมื่อ หลุยส์ กาเซีย แตะบอลผ่าน ปีเตอร์ เช็ก ไปแล้ว แต่วิลเลี่ยม กัลลาส ก็วิ่งมาสกัดออกจากเส้น แต่ทว่าจังหวะนี้ถูกตัดสินให้เป็นประตู แถมมันก็เป็นประตูชัยของ "หงส์แดง" อีกด้วย งานนนี้ทำเอา โชเซ่ มูรินโญ่ ประชดประชันว่า "นี่คือประตูที่ไม่เคยเกิดขึ้นบนโลก"

 

รอบชิงชนะเลิศ 2007-08

เชลซี 1-1 แมนฯ ยูไนเต็ด (ดวลจุดโทษ 5-6)

เกมรอบชิงชนะเลิศระหว่างสองทีมยักษ์ใหญ่จากเมืองผู้ดี แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ประตูนำเร็วตั้งแต่ น.26 จาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่อย่างไรก็ตาม แฟร้งค์ แลมพาร์ด ก็มายิงตีเสมอให้กับ เชลซี ได้สำเร็จในช่วงก่อนหมดครึ่งแรก เกมต้องยืดเยื้อไปถึงช่วงต่อเวลาพิเศษหลังจาก 90 นาทีทั้งคู่ไม่สามารถทำอะไรกันเพิ่มได้

จนสุดท้ายต้องไปตัดสินที่การดวลจุดโทษ ท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างหนักที่ มอสโก โรนัลโด้ พลาด และเป็นโอกาสที่ เทอร์รี่ จะยิงเข้าไปเพื่อคว้าแชมป์ แต่ทว่าเขาก็พลาดลื่นยิงไม่เข้าเช่นกัน ท้ายที่สุดเป็น เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ที่เซฟลูกยิงของ นิโกล่าส์ อเนลก้า ส่ง "ปีศาจแดง" เผถิงแชมป์ได้สำเร็จ

 

รอบก่อนรองชนะเลิศ 2008-09

ลิเวอร์พูล 1-3 เชลซี

เชลซี 4-4 ลิเวอร์พูล

บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ยิงสองประตูที่ "แอนฟิลด์" ช่วยให้ เชลซี กุมความได้เปรียบได้มากโขในเกมที่สอง แต่ทว่า ลิเวอร์พูล ก็ไม่ยอมง่าย ๆ เมื่อพวกเขาบุกมาขึ้นนำ 2-0 ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกของเกม กุส ฮิดดิ้งค์ ถูกบังคับให้ต้องแก้เกมโดยเร็ว

และเขาก็ทำได้สำเร็จ เมื่อ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา , อเล็กซ์ และแฟร้งค์ แลมพาร์ด ช่วยกันยิงถึง 4 ประตู ถึงแม้เกมนี้จะจบลงด้วยผลเสมอ แต่เป็นทัพ "สิงห์บลูส์" ที่ลอยลำเข้ารอบด้วยสกอร์รวมสองเกมที่ยิงกันระเบิด 7-5

 

รอบรองชนะเลิศ 2008-09

แมนฯ ยูไนเต็ด 1-0 อาร์เซน่อล

อาร์เซน่อล 1-3 แมนฯ ยูไนเต็ด

หนึ่งประตูใน "โอลด์ แทรฟฟอร์ด" ยังไม่การันตีในการเข้ารอบของ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ทว่าเกมนัดที่สองในบ้านของ อาร์เซน่อล "ปีศาจแดง" ได้สร้างหนึ่งในผลงานที่น่าจดจำในเวทียุโรปของพวกเขา เมื่อ ปาร์ค จี ซอง ซัดประตูขึ้นนำเร็วตั้งแต่ น.8 และถัดมาแค่เพียง 180 วินาที โรนัลโด้ ก็มายิงฟรีคิกระยะไกลเข้าไปอีก

แถมครึ่งหลัง "ซีอาร์7" ก็มายิงประตูที่สองของตัวเองได้อีก และถึงแม้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ จะไม่ยอมน้อยหน้าเหมาคนเดียวสองประตูเช่น แต่ทว่ามันไม่เพียงพอที่จะทำให้ "ปืนใหญ่" ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ

เนื้อหาจาก thesun.co.uk

ภาพจาก AFP

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
แมนยู v ลิเวอร์พูล - ท็อป 5 ศึกสายเลือด - ทีมอังกฤษเจอกันเองในบอลยุโรป อัปเดตล่าสุด 10 มีนาคม 2559 เวลา 10:49:59 13,948 อ่าน
TOP