เอเอฟซี ได้ทำหนังสือแจ้งบทลงโทษมายังสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากกรณีแฟนบอลทีมชาติไทยจุดพลุแฟลร์ในสนามของเกมนัดชิงชนะเลิศเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 ที่ผ่านมา โดยทางสมาคมฯ ถูกปรับเงินกว่า 1,073,000 บาท และหากยังปล่อยให้แฟนบอลทำเหตุอันซ้ำซากโทษครั้งต่อไปก็จะหนักขึ้นกว่าเดิม จากรายงานของ fathailand.org เมื่อ 5 มกราคมที่ผ่านมา
คณะกรรมการวินัยสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย ทำหนังสือถึงสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย แจ้งบทลงโทษจากกรณีแฟนบอลจำนวนหนึ่งมีการจุดพลุแฟลร์ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในเกมฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน รอบชิงชนะเลิศ นัดที่สอง ที่พบทีมชาติอินโดนีเซีย ในวันที่ 17 ธันวาคม 2559 โดยมีรายละเอียดการลงโทษดังต่อไปนี้
1. สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ถูกสั่งให้จ่ายค่าปรับ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา สำหรับการละเมิดบทที่ 68.1 ประกอบกับบทที่ 67.1 ของระเบียบข้อบังคับทางวินัยเอเอฟซี
2. ค่าปรับดังกล่าวจะต้องชำระภายใน 30 วัน นับจากวันที่การตัดสินนี้สื่อสารถึงผู้ที่เกี่ยวข้องของบทที่ 15.3 ของระเบียบ
3. สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศ ได้รับการแจ้งเตือนว่า หากมีการละเมิดข้อบังคับดังกล่าวซ้ำ จะได้รับบทลงโทษที่รุนแรงกว่าเดิม
พาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศ และโฆษกสมาคมฯ เปิดเผยว่า "ที่ผ่านมา ทางสมาคมฯ ทำงานอย่างหนักเพื่อชี้แจงเรื่องดังกล่าวให้คณะกรรมการวินัยของเอเอฟซีเข้าใจว่าเราจริงจังกับการแก้ปัญหานี้ ไม่ว่าจะเป็นการรวบรวมข้อมูลจากทั้งตำรวจ และฝ่ายจัดการแข่งขัน รวมถึงทำแผนการรับมือปัญหาดังกล่าวให้ทางเอเอฟซีพิจารณาเพิ่มเติมด้วย" โฆษกสมาคมฯ กล่าว
"อย่างไรก็ดีทางเอเอฟซีได้ย้ำเตือนมาอีกด้วยว่าหากเกิดขึ้นในการแข่งขันของฟีฟ่า และเอเอฟซีครั้งต่อไป จะมีการลงโทษในขั้นที่สูงกว่าการปรับเงิน
"เพื่อไม่ให้ปัญหาในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต สมาคมฯ ต้องขอความร่วมมือจากแฟนบอลทุกท่านให้ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของฝ่ายจัดการแข่งขัน รวมถึงหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ผิดข้อบังคับทั้งหมด เพื่อไม่ให้มีบทลงโทษที่รุนแรงกว่าเดิมจากทางเอเอฟซีในภายหลัง"
ภาพข่าว : shutterstock