"บิ๊กอ๊อด" พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย พอใจผลงานการคุมทีม 2 นัดแรกของกุนซือ มิโลวาน ราเยวัช ชี้มาเดือนเดียวทำ ทีมชาติไทย ได้ดูดีมีอนาคต จากรายงานของ FA Thailand เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2560
ราเยวัช เพิ่งรับงานเป็นกุนซือคนใหม่ของ ทีมชาติไทย เมื่อเดือน เมษายน 2560 และเดินทางนำนักเตะไปเก็บตัวเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม และนำทีมอุ่นเครื่องพ่าย อุซเบกิสถาน 2-0 ก่อนที่ในเกมล่าสุดนำ "ช้างศึก" เปิดบ้านเสมอ ยูเออี ไปแบบสนุก 1-1
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กล่าวถึงผลงาน 2 นัดแรกของ กุนซือชาวเซอร์เบีย ว่า "ผมในฐานะนายกสมาคมฯ ก็ต้องขอขอบคุณ น้อง ๆ นักกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทยทุกคน ทั้งที่ได้ลงทำหน้าที่ และไม่ได้ลงทำหน้าที่รวมถึงน้อง ๆ ที่มีอาการบาดเจ็บไม่สมบูรณ์ และไม่ได้ลงการแข่งขัน ก็คิดว่าแมตช์ต่อ ๆ ไปจะได้ทำงานด้วยกัน"
"ขอบคุณโค้ช มิโลวาน ราเยวัช และ ทีมงานทุกท่าน รวมถึงเจ้าหน้าที่สมาคมฯ ผู้เกี่ยวข้องที่จัดการแข่งขัน ที่ได้ร่วมกันทำและสร้างรอยยิ้มเล็กๆให้กับแฟนบอลชาวไทย ขอบคุณสโมสรต้นสังกัด ของนักกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทย ขอบคุณแฟนบอล ขอบคุณสื่อมวลชน ขอบคุณสปอนเซอร์ และผู้สนับสนุนทั้งหลาย และทุกภาคส่วนที่มีส่วนร่วมในการแข่งขัน"
"ก่อนการแถลงข่าวผมก็ได้คุยกับโค้ช เพื่อสรุปรายงานการแข่งขัน ปัญหา และอุปสรรค รวมถึงข้อบกพร่องต่าง ๆ สิ่งที่ผมถามคือมาตรฐานของนักฟุตบอลทีมชาติไทยนั้นสามารถพัฒนาขึ้นได้อีกหรือไม่ ซึ่งโค้ช และทีมงานก็บอกว่ามีโอกาสดี เพราะว่าโค้ชก็ไม่คาดคิดว่านักกีฬาจะมีมาตรฐานขนาดนี้ หากเตรียมทีมถูกวิธี และนำเทคนิคมาใช้ ทีมชาติไทยจะเล่นได้อย่างมีศักยภาพที่สูงกว่าที่ผ่านมา"
"ส่วนเรื่องปัญหาที่เขาบอกก็คือเรื่องเวลา เพราะเขาอยู่ที่นี่แค่หนึ่งเดือน และมีเวลาเก็บตัวเพียงหนึ่งสัปดาห์ และนักกีฬาเมืองทอง ยูไนเต็ด ก็มีโปรแกรมการแข่งขัน ทีมชาติไทยยังไม่สมบูรณ์ เพราะมีนักเตะที่ได้รับบาดเจ็บหลายราย ทั้งธีรศิลป์, ชนาธิป, ทริสตอง โด และ ธีราทร ถ้าเขามีเวลามากกว่านี้ และโอกาสที่มากกว่านี้ โค้ชมั่นใจว่าจะสร้างทีมชาติไทยที่ดีกว่าทีผ่่านมาได้แน่นอน นั่นคือสิ่งที่โค้ชบอกกับผม"
"ทางสมาคมเมื่อมอบหมายให้เขาทำแล้ว เราให้เกียรติ เราจะให้การสนับสนุนเต็มที่ ทั้งเรื่องกิน อยู่ หลับ นอน ส่วนเรื่องในสนามเป็นของโค้ช เราไม่มีการก้าวก่ายกัน เราเชื่อมั่นว่าถ้าผม สภากรรมการ ช่วยกันวางกรอบการพัฒนาฟุตบอลของไทย เป็นไปตามทิศทางที่เราคิดและมันส่งผลดี ผมเชื่อว่าอนาคตทีมฟุตบอลทีมชาติไทยคงไม่เป็นรองใครในเอเชีย และมั่นใจว่าในเวลาอันใกล้ขึ้น เราอาจจะไม่ต้องรอถึงปี 2026 เราอาจจะได้ไปฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายได้"
"ถ้าจะให้คะแนนกับโค้ช ผมบอกว่าผมพึงพอใจ แต่ต้องขอโทษแฟนบอลด้วย เราผิดหวัง เราไม่น่าเสมอ เราน่าจะชนะในเกมนี้ แต่นี่คือบทเรียน ซึ่งบอกว่าทีมชาติไทยจะต้องพัฒนาอีกหลุดจากอดีตที่แพ้มาเสมอ มันก็ถือว่าชนะแล้ว เพราะฉะนั้นมันเป็นเครื่องบอกเหตุว่า ทีมชาติไทย สามารถพัฒนาได้ จากทีมที่เคยแพ้ มาเป็นผลเสมอ ถ้าเรามุ่งมั่น ตั้งใจ ร่วมใจกัน มันไม่เกินฝันที่เราจะทำได้ จากเสมอวันนี้เราอาจจะชนะได้ในอนาคต ผลเสมอนัดนี้บอกโค้ชและนักกีฬาว่า ทีมชาติไทยยังต้องพัฒนาขึ้นไปอีกเพื่อชัยชนะ เราต้องดูกันต่อไป"
"จริงๆแล้วโค้ชพูดตลอดเวลา นักเตะทุกคนต้องรักษามาตรฐานไว้ การเล่นกีฬาไม่ใช่เล่นไปเรื่อยๆต้องมีมาตรฐาน กีฬาไม่ใช่ว่าจะเล่นดีตลอด ทุกคนก็มีความหวัง คุณมีโอกาสเป็นทีมชาติคุณอาจจะต้องถูกดร็อปถ้ารักษามาตรฐานไม่ได้ ต่อไปนี้ทุกคนต้องแข่งขัน แข่งขันกับตัวเองให้สุขภาพแข็งแรง ทุกวันนี้โอกาสเปิดกว้าง โค้ชไปดูที่สนามด้วยตัวเอง ใครทำดีโค้ชก็เห็นวันนี้ติดวันหน้าอาจจะไม่ติด วันนี้ไม่ติดวันหน้าอาจจะติดก็เป็นได้"
"กีฬาไม่มีสูตรสำเร็จ เราบอกไม่ได้ว่า เราเก่งแล้วคนอื่นเก่งหรือไม่ สิ่งสำคัญคือเราต้องพัฒนาตัวเอง แข่งกับตัวเองก่อนแข่งกับเขา ถ้าเราเจอทีมที่แข็งแกร่งกว่าในระดับเอเชีย เราต้องยกระดับมาตรฐานไปสู้กับเขา ในทุกเรื่อง ๆ เราต้องพร้อมกว่าคนที่เก่งกว่า เราคิดว่าถ้าโค้ชได้อยู่เมืองไทย ได้ศึกษามากขึ้น มันน่าจะดีกว่านี้ เพราะที่ผ่านมาแค่สิบกว่าวันยังทำได้ขนาดนี้"
ภาพจาก FA Thailand, shutterstock_453246664_feelphoto, AFP