หลังจากเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา เราได้เห็น เปแอสเช ทุ่มเงินในการเซ็นสัญญายืมตัว คิลิยง เอ็มบั๊ปเป้ จาก โมนาโก เป็นเวลา 1 ฤดูกาล บวกออปชั่นย้ายทีมถาวรตอนจบฤดูกาลในราคาถึง 198 ล้านปอน
ซึ่งดีลอันน่าถึงนี้ส่งให้ดาวยิงวัย 18 ปี ขึ้นเป็นอันดับที่ 2 นักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลก "สกายสปอร์ต" สื่อกีฬาชื่อก้องโลก จึงทำการรวบรวมรายชื่อ 10 สุดยอดดาวเตะที่ขึ้นแท่นระดับโลกตั้งแต่วัยกระเตาะมาให้ชมกัน :
ไมเคิ่ล โอเว่น
โอเว่น แจ้งเกิดกับ ลิเวอร์พูล ด้วยวัย 18 ปีด้วยการยิงประตูแรกของตัวเองในทีมชุดใหญ่ใส่ วิมเบิลดัน เมื่อปี 1997 ซึ่งฤดูกาลนั้นเองเขาก็คว้ารางวัลดาวซัลโว และรางวัลนักเตะดาวรุ่งแห่งปี พีเอฟเอ
แต่ที่ทำให้เขาถูกจดจำจากแฟนบอลทั่วโลกก็คือ ลูกยิงซโล่เดี่ยวใส่ อาร์เจนตินา ในฟุตบอลโลก 1998 ซึ่งในตอนนั้น เขาอายุเพียง 18 ปีกับ 190 วันเท่านั้น จากนั้น โอเว่น ก็กลายเป็นสตาร์คนใหม่แห่งวงการลูกหนังอังกฤษ
โอเว่น เล่นให้กับ ลิเวอร์พูล นานถึง 8 ฤดูกาล ทำไป 158 ประตู คว้าแชมป์ไป 6 รายการก่อนที่ย้ายไปร่วมทีม เรอัล มาดริด และ นิวคาสเซิ่ล เขาตัดสินใจย้ายไป แมนยู 3 ซีซั่นพร้อทกับคว้าแชมป์ไป 3 รายการ
ร็อบบี้ ฟาวเลอร์
ฟาวเลอร์ ก้าวขึ้นติดทีมชุดใหญ่ของ ลิเวอร์พูล เมื่อเดือนกันยายน 1993 ด้วยวัยเพียง 18 ปีเขายิงไป 13 ประตูจาก 15 เกมแรก
และฤดูกาลถัดมาเขาสร้างสถิติทำแฮตทริกเร็วที่สุดใน พรีเมียร์ลีก ในเกมกับ อาร์เซน่อล ซึ่งมาถูก ซาดิโอ มาเน่ ทำลายลงในปี 2015 สมัยที่ยังเล่นกับ เซาแฮมป์ตัน
ฟาวเลอร์ ถือเป็นดาวยิงที่แฟน "หงส์แดง" ยกย่องให้เป็น "พระเจ้า" โดยตลอด 2 หนที่เขาค้าแข้งในถิ่น แอนฟิลด์ "เดอะ ก็อต" ทำไป 183 ประตูจาก 369 นัด คว้าแชมป์ 5 รายการ
เวย์น รูนี่ย์
ย้อนไปเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2002 รูนี่ย์ ในวัย 16 ปี ยิงประตูชัยในนาทีสุดท้ายช่วยให้ เอฟเวอร์ตัน เฉือนชนะ อาร์เซน่อล 2-0 หยุดสถิติไร้พ่ายของทัพ "ปืนใหญ่" ไว้ที่ 30 นัดแถมยังสร้างสถิติเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูใน พรีเมียร์ลีก ก่อนวันเกิดครบรอบ 17 ปีของเขาเพียง 5 วัน
จากนั้นเป็น แมนยู ที่ทุ่มเงิน 25.6 ล้านปอนด์คว้าตัว รูนี่ย์ วัย 18 ปีไปร่วมทัพเมื่อปี 2004 ซึ่งเป็นค่าตัวที่แพงที่สุดของนักเตะดาวรุ่งในสมัยนั้น เขาเริ่มตั้นเกมแรกกับ "ปีศาจแดง" ด้วยการซัดแฮตทริกใส่ เฟเนร์บาห์เช่ ในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งเขาจบฤดูกาลแรกด้วยการคว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งแห่งปี พีเอฟเอ และเป็นดาวซัลโวของสโมสร
รูนี่ย์ ยิงไปทั้งหมด 253 ประตูจาก 559 ในการลงสนามให้กับ แมนยู และยังขึ้นแท่นเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลทีมชาติอังกฤษที่ 53 ประตูจาก 119 นัด ดาวยิงวัย 31 ปีคว้าแชมป์ร่วมกับ "ปีศาจแดง" ไปถึง 16 รายการ
ลิโอเนล เมสซี่
ฤดูกาล 2003-04 โลกลูกหนังเริ่มรู้จักเจ้าหนูที่ชื่อ ลิโอเนล เมสซี่ เขาเปิดตัวลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่ของ บาร์เซโลน่า ด้วยวัย 16 ปี 157 วัน เขาค่อย ๆ พัฒนาตัวเองแทรกซึมสู่ทีมที่เต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์
จนกระทั่งเมื่ออายุได้ 19 ปี เขาก็ได้สร้างผลงาน 17 ประตูจาก 36 เกมในฤดูกาล 2006-07 แถมยังเป็นนักเตะคนแรกในรอบ 12 ปีที่ทำแฮตทริกได้ในเกม "เอล กลาซีโก้" ซึ่งถือเป็นที่ฮือฮามากในตอนนั้น
ในตอนนี้ เมสซี่ คือหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของโลก การันตีด้วยรางวัล "บัลลง ดอร์" 5 สมัย และเขาก็ช่วยให้ บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ ลา ลีกา ไปถึง 8 สมัย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 4 สมัย
คริสเตียโน่ โรนัลโด้
โรนัลโด้ เปิดตัวในทีมชุดใหญ่ของ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ด้วยวัย 16 ปี ซึ่งเขาทำได้เพียง 5 ประตูจาก 31 นัด แต่มันก็เพียงพอให้ แมนยู เห็นถึงความสามารถที่ซ่อนอยู่ และคว้าตัวเขาในวัย 18 ปีไปร่วมทีมในปี 2003 ด้วยค่าตัว 12.12 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นค่าตัวที่แพงที่สุดของนักเตะดาวรุ่งในตอนนั้น
"ซีอาร์7" ก็ตอบแทน "ปีศาจแดง" ด้วยการระเบิดฟอร์มช่วยทีมคว้าแชมป์ไป 9 รายการแถมเจ้าตัวยังสามารถคว้ารางวัล "บัลลง ดอร์" เป็ยสมัยแรกของตัวเอง ก่อนที่ เรอัล มาดริด จะทุ่มเงินเป็นสถิติโลกเพื่อดึงตัวเขาไปร่วมทัพเมื่อปี 2009
และอย่างที่รู้กันว่าเขายังคงสุดยอด โรนัลโด้ ช่วยให้ เรอัล มาดริด คว้าไป 11 แชมป์ โดยซิวแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นว่าเล่น แถมยังพา ทีมชาติโปรตุเกส คว้าแชมป์ ยูโร 2016 เป็นแชมป์แรกในประวัติศาสตร์ทัพ "ฝอยทอง" ได้อีกด้วย
เชส ฟาเบรกาส
อาร์เซน่อล ดึงตัว ฟาเบรกาส มาจากอะคาเดมี่ บาร์เซโลน่า เมื่อปี 2003 และเขาใช้เวลาไม่นานในการขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ โดยลงสนามในเกม ลีก คัพ เมื่อเดือนตุลาคมปีเดียวกันด้วยวัย 16 ปี 177 วัน
จนกระทั่งฤดูกาล 2004-05 โอกาสในการเล่น พรีเมียร์ลีก ของเขามาถึงเมื่อ ปาทริค วิเอร่า ได้รับบาดเจ็บ เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าทึ่งเกินวัย และฤดูกาลถัดมาเขาถูกยกให้ใส่เสื้อหมาย 4 เป็นตัวแทนของ วิเอร่า และฤดูกาล 2006-07 เขาได้รับความไว้ใจด้วยการลงสนามไป 49 นัด
ดาวเตะทีมชาติสเปน คว้าไป 2 แชมป์ร่วมกับ อาร์เซน่อล ก่อนจะย้ายกลับไป บาร์เซโลน่า เมื่อปี 2011 และกลับลอนดอนอีกครั้ง แต่เป็น เชลซี ซึ่งที่นี่เขาก็คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ไป 2 สมัย
โรนัลโด้
เจ้าของฉายา "โล้นทองคำ" ลงสนามให้กับสโมสร กรูเซย์รู ในบราซิลด้วยวัย 16 ปีจากนั้นเขาก็ยิงไปทั้งหมด 44 ประตูจาก 47 นัด ส่งผลให้เขาติด ทีมชาติบราซิล ไปในศึก ฟุตอบโลก 1994 แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้ลงสนามแม้แต่นัดเดียว
แต่หลังจากนั้น พีเอสวี ก็ดึงตัวเขาในวัย 17 ปีไปร่วมทัพ เขายิงไป 30 ประตู และคว้าดาวซัลโวในซีซั่นแรก ก่อนที่ฤดูกาล 1995-96 เขาจะถูกอาการบาดเจ็บรบกวน แต่ยังยิงได้ 12 ประตูจาก 12 นัด
จากนั้น โรนัลโด้ ก็ได้ไปค้าแข้งให้กับสโมสรชั้นนำของยุโรปไม่ว่าจะเป็น บาร์เซโลน่า, อินเตอร์ มิลาน, เอซี มิลาน และ เรอัล มาดริด ผลงานสุดยอดก็คือการช่วยให้ ทีมชาติบราซิล คว้าแชมป์ ฟุตบอลโลก 2002 โดยเขาคว้าดาวซัลโวจากการยิง 8 ประตู
เปเล่
ตำนานดาวยิงแห่งประวัติศาสตร์ลูกหนังโลก เปเล่ ลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่ ซานโต๊ส ด้วยวัยเพียง 15 ปีเท่านั้น และสามารถยิงประตูในอาชีพการค้าแข้งได้เมื่อปี 1956 และปี 1958 ถัดมาเขาก็สร้างสถิติยิงประตูมากที่สุดในลีกที่ 58 ประตู และถูกเรียกติด ทีมชาติบราซิล เพื่อเล่นในฟุตบอลโลกในปีนั้น
และ เปเล่ ก็เดินหน้าสร้างสถิติเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูได้ในฟุตบอลโลกด้วยวัย 17 ปี 239 วัน ซึ่งเขาก็ช่วยให้ บราซิล คว้าแชมป์โลกปี 1958 และสามารถยิงประตูในเกมนัดชิงชนะเลิศที่เอาชนะ สวีเดน 5-2 ได้อีกด้วย
เจ้าของฉายา "ไข่มุกดำ" คว้าแชมป์โลกร่วมกับ ทีมชาติบราซิล 2 สมัย และคว้าแชมป์ร่วมกับ ซานโต๊ส ไปถึง 24 รายการ เขาถูกยกย่องให้เป็นสุดยอดนักเตะของโลกตลอดกาล
แพทริค ไคลเวิร์ต
ไคลเวิร์ต ขุนพลยุคทองของ อาแจ๊กซ์ ลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่ด้วยวัย 18 ปีเมื่อเดือนสิงหาคม 1994 และทำประตูแรกในเกม ดัตช์ ซูเปอร์ คัพ ที่พบกับ เฟเยนูร์ด และช่วยให้ทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล คว้าแชมป์ลีกในฤดูกาล 1994-95 พร้อมกับคว้าดาวซัลโวด้วยผลงาน 18 ประตูจาก 25 นัด
แต่ทีเด็ดที่แฟน ๆ ต้องจดจำคือลูกยิงประตูชัยในนาทีที่ 85 ช่วยให้ อาแจ็กซ์ เฉือนชนะเอซี มิลาน พร้อมกับคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 1995 และครองสถิติเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูในรอบชิง "ยูซีแอล" ด้วยวัย 18 ปี 328 วัน
จากนั้น ไคลเวิร์ต ก็ย้ายไปอยู่กับทีมชั้นนำของยุโรปอย่าง เอซี มิลาน, บาร์เซโลน่า และ นิวคาสเซิ่ล โดยได้แชมป์ไป 9 รายการตลอดอาชีพการค้าแข้ง
เซร์คิโอ อเกวโร่
อเกวโร่ ลงเล่นทีมชุดใหญ่ให้กับสโมสร อินดิเพนเดียนเต้ ด้วยวัยเพียง 15 ปี เมื่อเดือนกรกฎาคม 2003 สร้างสถิติเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดในลีก อาร์เจนตินา เทียบเท่ากับ ดีเอโก้ มาราโดน่า พ่อตาของเขา
แอต.มาดริด ทุ่มเงินถึง 20.6 ล้านปอนด์เพื่อดึงตัว กุน ในวัย 18 ปีไปร่วมทัพเมื่อปี 2006 หลังจากที่ "ตราหมี" ขายดาวยิงประจำทีมอย่าง เฟร์นันโด ตอร์เรส ให้กับ ลิเวอร์พูล เมื่อฤดูกาล 2007-08 โอกาสของเขาก็มาถึง และเขาก็จัดการซัดไป 19 และช่วยให้ทีมกลับไปสูเวที แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี
จากนั้น กุน ก็ช่วยให้ ทีมชาติอาร์เจนตินา ยู-20 คว้าแชมป์โลกในปี 2005 และ 2007 และเปิดตัวในทีมชาติชุดใหญ่ด้วยวัย 18 ปี และช่วยให้ทัพ "ฟ้า-ขาว" คว้ารองแชมป์โลกในปี 2014 และตอนนี้เขาคือกองหน้าคนสำคัญของ แมนซิตี้ ที่พาทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก มาแล้ว 2 สมัย
ข้อมูลจาก skysports.com
ภาพจาก AFP