ฟุตบอล เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก เกมรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มจี นัดที่ 5 เมื่อวันอังคารที่ 3 เมษายน 2561 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์ไทยลีก ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมอีกครั้ง เมื่อสามารถไล่ตีเสมอ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ ยักษ์ใหญ่จากสาธารณรัฐประชาชนจีน 1-1 จากการยิงของ ยู จุนซู ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 2
หลังจบเกม ฟาบิโอ คันนาวาโร่ กุนซือของ กว่างโจว ให้ความเห็นว่าสภาพอากาศที่เมือง บุรีรัมย์ ส่งผลต่อการเล่นของลูกทีม แต่แม้ว่าจะได้แค่คะแนนเดียวจากนัดนี้ก็ไม่ถือว่าเสียหาย
"เกมนี้เหมือนเกมทั่วไป เพียงแต่เกมนี้เราเสียให้ บุรีรัมย์ ถึงสองแต้ม ไม่ได้กดดันอะไรมากมาย วันนี้สภาพอากาศที่ บุรีรัมย์ ค่อนข้างมีปัญหากับทีมเรา โดยเฉพาะครึ่งหลังที่ลูกทีมของผมครองบอลน้อยลงอย่างชัดเจน แม้ทีมจะมีลุ้นเข้ารอบ แต่เราต้องสลับผู้เล่น และบริหารทีมในช่วงเวลาต่อจากนี้ เนื่องจากเรายังมีเกมสำคัญในลีกเช่นกัน"
ด้าน โบซิดาร์ บันโดวิช หัวหน้าผู้ฝึกสอน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ระบุว่า "1 คะแนนวันนี้เป็นคะแนนที่สำคัญมาก มันเป็น 1 คะแนนที่มาจากความเชื่อมั่นในตัวลูกทีม ครึ่งแรกเราเสียบอลบ่อยเนื่องจากผู้เล่นประหม่าเล็กน้อย แต่ครึ่งหลังเราเล่นกันได้ดีขึ้น เพราะมีการปรับเปลี่ยนแผนการเล่น ขอชม ศิวรักษ์ ที่ซูเปอร์เซฟในเกมนี้ แต่ก็ต้องขอบคุณลูกทีมทุกคนที่สู้ยันวินาทีสุดท้าย อย่าลืมว่าเราต้องเล่น 3 เกมต่อสัปดาห์ ซึ่งเกมหน้าที่จะบุกไปเยือน เจจู ผมหวังที่จะได้ผลการแข่งขันที่ดีกลับมา"
เกมรอบแบ่งกลุ่ม ยังเหลือการแข่งขันนัดสุดท้าย ซึ่ง บุรีรัมย์ จะบุกไปเยือน เชจู ยูไนเต็ด ของ เกาหลีใต้ และหากเอาชนะได้ก็มีโอกาสเข้ารอบสูงมาก ยกเว้นในกรณีที่ผลอีกคู่หนึ่ง เซเรโซ่ โอซาก้า สามารถเอาชนะ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ ได้ บุรีรัมย์ จะต้องชนะ เชจู อย่างน้อย 3 ลูกขึ้นไป ถึงมีสิทธิ์เข้ารอบ
แต่กรณีที่ กว่างโจว แพ้ เซโรโซ่ 0-1 แล้ว บุรีรัมย์ ชนะ เชจู 3-0 นั่นจะทำให้ ผลงานเฮดทูเฮด, ผลต่างประตู และ จำนวนประตูที่ยิงได้ของ กว่างโจว เท่ากันทั้งหมด นั่นก็จะทำให้ต้องไปตัดสินการเข้ารอบด้วยคะแนนใบเหลือง-ใบแดง หรืออันดับของทีมชาติใน ฟีฟ่า เวิลด์ แรงกิ้ง