ลิเวอร์พูล เดินหน้าเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ ซึ่งคู่แข่งของพวกเขาคือ เรอัล มาดริด ขาใหญ่แห่งถ้วย "บิ๊กเอียร์" ที่กำลังรอสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน
ซึ่งก่อนเกมนัดชิงชนะเลิศที่ทั้งสองทีมจะฟาดแข้งกันที่ เคียฟ ประเทศยูเครน ในวันที่ 26 พฤษภาคม นี้ "มาร์ก้า" สื่อชื่อดังของสเปน ได้ทำการวิเคราะห์ 5 จุดแข็ง และ 5 จุดอ่อนของ ลิเวอร์พูล ก่อนทำศึกหนักกับ เรอัล มาดริด มาให้ชมกัน
5 จุดแข็งของ ลิเวอร์พูล :
สไตล์บุกแหลก "เฮฟวี่ เมทัล" ของ เจอร์เก้น คล็อปป์
เจอร์เก้น คล็อปป์ เป็นกุนซือที่มีแนวทางการทำทีมที่ชัดเจนมาตั้งแต่สมัยคุม ดอร์ทมุนท์ และดูเหมือนสไตล์บุกแหลกของเขาจะดูเข้มข้นขึ้นไปอีกเมื่อมาใช้กับ ลิเวอร์พูล พวกเขากดดันคู่แข่งตลอดเวลา และเมื่อได้บอลแล้วพวกเขาจะทะยานขึ้นไปหน้าประตูฝั่งตรงข้ามอย่างรวดเร็ว มาถึงตอนนี้ "เครื่องจักรสีแดง" ยิงไปแล้ว 130 ประตูในฤดูกาลนี้ และ 46 ลูกมาจาก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ยกระดับแนวรับอย่างชัดเจน
ลิเวอร์พูล ยอมทุ่มเงินสูงเป็นประวัติศาสตร์เพื่อคว้าตัว ปราการหลังทีมชาติฮอลแลนด์ รายนี้ไปร่วมทีมเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา นับตั้งแต่นั้นมา ฟาน ไดจ์ค ก็กลายเป็นหัวใจสำคัญในแนวรับของ "หงส์แดง" และอุดรอยรั่วที่เคยมีมาก่อนหน้านี้ ซึ่งตั้งแต่ที่ได้ ดาวเตะวัย 26 ปี มาบัญชาเกมรับ พวกเขาเก็บไป 10 คลีนชีต จาก 21 แมตช์
เจมส์ มิลเนอร์ เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว
แม้จะไม่ได้เป็นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอในช่วงต้นฤดูกาล แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า เจมส์ มิลเนอร์ เป็นกำลังสำคัญที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะขาดไม่ได้ในเวลานี้ เขาไม่ใช่นักฟุตบอลที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในทีม แต่ความพยายาม และความทุ่มเทของเขาน่ายกย่อง และสร้างโอกาสที่ดีให้กับทีม เขาสามารถเล่นได้หลายตำแหน่ง และมักจะทำได้ดีเสมอ เขาสร้างสถิติเป็นนักเตะที่แอสซิสต์ได้มากที่สุดของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลเดียวที่ 9 ลูก
3 ประสาน โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่ และ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์
เรอัล มาดริด จะต้องเผชิญหน้ากับทีมที่เล่นเกมรุกรวดเร็ว และเพรสซิ่งกดดันไม่มีหมด แน่นอนว่าพวกเขาต้องกังวลกับการรับมือของ 3 ประสาน "หงส์แดง" ที่กำลังร้อนแรงสุด ๆ ในตอนนี้ ซึ่งทั้ง 3 คนมีอาวุธเด็ดที่ ความเร็ว และสามารถจบสกอร์ได้ทุกคน แถมยังประสานงานกันได้อย่างลงตัว ซึ่ง ซาล่าห์ และ เฟอร์มิโน่ ยิงใน ยูซีแอล เท่ากันที่ 10 ประตู งานนี้ "ราชันชุดขาว" ต้องเตรียมรับมือให้ดี
โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ผู้ท้าชิงรางวัล บัลลง ดอร์
ก่อนหน้านี้เมื่อพูดถึงรางวัล บัลลง ดอร์ แฟนบอลมักจะคิดไปถึงรายชื่อนักเตะเพียงไม่กี่คน คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ลิโอเนล เมสซี่ หรือ เนย์มาร์ แต่หากมาถามในเวลานี้ต้องมีชื่อของ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ รวมอยู่ด้วยแน่นอน ดาวเตะวัย 25 ปี ทำผลงานได้ร้อนแรงสุด ๆ ในฤดูกาลนี้ 31 ประตูใน พรีเมียร์ลีก 43 ประตูรวมทุกรายการ และหากเขานำ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ ย่อมมีโอกาสสูงที่เขาจะเป็นผู้คว้ารางวัล "ลูกบอลทองคำ" ไปครอง
5 จุดอ่อนของ ลิเวอร์พูล :
ลอริส คาริอุส
คาริอุส พัฒนาตัวเองขึ้นมาได้ดี และก้าวมาเป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งของ ลิเวอร์พูล อย่างเต็มตัวในฤดูกาลนี้ อย่างไรก็ตาม นายทวารทีมชาติเยอรมนี ยังคงมีลูกเหวอให้แฟนบอล "หงส์แดง" หายใจไม่ทั่วท้องกันอยู่ และนี่อาจจะเป็นจุดที่ถูก เรอัล มาดริด เล่นงานในเกมนัดชิงชนะเลิศก็เป็นได้
ฟอร์มที่ไม่สม่ำเสมอ
แน่นอนว่าฤดูกาลนี้ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ทำผลงานใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้อย่างน่าประทับใจ แต่สิ่งหนึ่งที่น่ากังวลไม่น้อยคือฟอร์มการเล่นที่คงเส้นคงวา และสมาธิที่ควรมีตลอดทั้งเกม พวกเขาโชว์พลังเขี่ย แมนซิตี้ ตกรอบได้อย่างเด็ดขาด แต่เพียงไม่กี่วันหลังจากนั้นพวกเขาก็จะยอมจำนนต่อสกอร์ 2-2 ที่ถูก เวสต์บรอม ตามตีเสมอทั้งที่ออกนำไปก่อน 2-0 รวมถึง 2 เกมที่ผ่าน โรม่า มาได้ พวกเขาเสียสมาธิจนโดนยิงประตูไล่ตามให้เสียวสันหลังทั้งสองนัด
การขาดหายไปของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่
หลังจากการย้ายทีมของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ เมื่อเดือนมกราคม อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ก็เริ่มฉายแสง เขาก้าวเข้าสู่ตำแหน่งกองกลาง และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ทว่า อดีตแข้งอาร์เซน่อล โชคร้ายได้รับบาดเจ็บหนักในเกมนัดแรกกับ โรม่า ทำให้ คล็อปป์ ต้องค้นหาทางเลือกทดแทนนักเตะที่สร้างสรรค์เกมได้แบบ คูตินโญ่ อีกครั้ง
กองหลัง ลิเวอร์พูล มี เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ไว้ใจได้คนเดียว
แม้ว่าจะได้ เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค มาเป็นหัวใจในแนวรับแล้วก็ตาม แต่เห็นได้ชัดว่า เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เดยัน ลอฟเรน และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน มาตรฐานเกมรับยังคงห่างจาก ฟาน ไดจ์ค โดยเฉพาะฟูลแบ็คทั้งสองรายที่เติมเกมรุกได้สุดมัน แต่เกมรับยังคงเป็นเครื่องหมายคำถาม พวกเขาดูมีปัญหาเมื่อรับมือกับ โรม่า แต่ด่านต่อไปพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับนักเตะอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, แกเร็ธ เบล และ คาริม เบนเซม่า
ตัวเลือกในม้านั่งสำรอง
หากมองไปที่ซุ้มม้านั่งสำรองของ ลิเวอร์พูล ในเกมกับ โรม่า พวกเขามี รักนาร์ คราวาน, โดมินิค โซลันเก้, นาธาเนี่ยล ไคลน์, อัลเบร์โต้ โมเรโน่, แดนนี่ อิงส์, เบน วู้ดเบิร์น และ ซิมง มิโญเล่ต์ ที่เอ่ยชื่อมาทั้งหมด แทบจะไม่มีนักเตะที่ลงไปเปลี่ยนเกมได้เลย ซึ่งตรงกันข้ามกับ เรอัล มาดริด โดยสิ้นเชิง ตัวสำรองของ ซีเนอดีน ซีดาน เป็นผู้เล่นที่สามารถเปลี่ยนเกมได้
ข้อมูลจาก marca.com
ภาพจาก AFP