"ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาครองได้อีกครั้ง หลัง เอาชนะ ลิเวอร์พูล 3-1 ในเกมนัดชิงชนะเลิศ ที่ โอลิมเปียสกี้ สเตเดี้ยม กรุงเคียฟ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม 2561
เป็นการคว้าแชมป์สมัยที่ 13 ในประวัติศาสตร์ของสโมสร เป็นแชมป์ปีที่ 3 ติดต่อกัน และเป็นแชมป์สมัยที่ 4 ในรอบ 5 ปี ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าคนที่นำ เรอัล มาดริด กลับมายิ่งใหญ่ครองเวทียุโรปได้อีกครั้งก็คือ ซีเนอดีน ซีดาน
นับตั้งแต่เข้ามาคุมทีม เรอัล มาดริด ในช่วงต้นปี 2016 ซีดาน ไม่เคยล้มเหลวในถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก นำทีมคว้าแชมป์ 3 สมัยติดต่อกัน และนอกจากนั้น ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2 ครั้ง, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 2 ครั้ง เขาก็เก็บถ้วยแชมป์มาครองได้ทั้งหมด นั่นยังไม่รวม แชมป์ ลา ลีกา อีก 1 สมัย และ ซูเปอร์ โกปา สเปน อีก 1 สมัย
ทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงเวลาแค่ 2 ปีครึ่ง และเป็นช่วงของการเริ่มต้นงานคุมทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกด้วย แต่ตอนนี้ ซีดาน ได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก มากกว่าสุดยอดโค้ชทั้งหลายทั้ง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า โชเซ่ มูรินโญ่ หรือ บิเซนเต้ เดล บอสเก้
สถิติแชมป์ 3 สมัยของ ซีดาน เป็นผลงานสูงสุดเทียบเท่ากับ บ็อบ เพสลี่ย์ บรมกุนซือของ ลิเวอร์พูล และ คาร์โล อันเชล็อตติ ยอดโค้ชชาวอิตาลี แต่เขาคือคนแรกในประวัติศาสตร์ที่เป็นโค้ชคุมทีมได้แชมป์ 3 ปีติดต่อกัน
"นี่คือสโมสรที่ยิ่งใหญ่ สโมสรเราได้แชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ 13 สมัยแล้ว และผมภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ เราจะคิดถึงความสำเร็จของเรา มีความสุขกับช่วงเวลานี้ นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้" ซีดาน กล่าวหลังจบเกม
ภาพ AFP