โหมโรงก่อนศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 รอบรองชนะเลิศทั้ง 2 เกมที่ ทีมชาติไทย จะบุกไปเยือน มาเลเซีย ในนัดแรก ที่สนาม "บูกิต จาลิล" วันที่ 1 ธันวาคมนี้ เวลา 19.45 น. และจากนั้นจะกลับมาเล่นในบ้านนัดที่สอง วันที่ 5 ธันวาคม 2561 ที่สนาม "ราชมังคลากีฬาสถาน" เวลา 19.00 น.
เราพาย้อนกลับไปรำลึกความหลัง เกมแห่งความทรงจำระหว่าง "ช้างศึก" กับ "เสือเหลือง"ในอดีตให้แฟนบอลได้อุ่นเครื่องกันก่อนศึก ซูซูกิ คัพ 2018 รอบรองชนะเลิศ จะระเบิดแข้งกัน :
1996 รอบแบ่งกลุ่ม : ทีมชาติไทย 1-1 มาเลเซีย
ไทย กับ มาเลเซีย อยู่ร่วม กลุ่ม บี ในปีนั้น ทั้งคู่ต้องมาพบกันในเกมที่ 3 โดยต่างฝ่ายต่างมีลุ้นเข้ารอบด้วยกันทั้งคู่ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ยิงให้ "ช้างศึก" ขึ้นนำไปก่อนในครึ่งแรก ก่อนที่ อาบีดีน ฮัดซัน จะมาตามตีเสมอให้ "เสือเหลือง" ในครึ่งหลัง ซึ่งผลลงเอยด้วยการเสมอ และในท้ายที่สุดทั้งสองทีมก็ควงคู่กันเข้ารอบไปได้สำเร็จ
1996 รอบชิงชนะเลิศ : ทีมชาติไทย 1-0 มาเลเซีย
หลังจากผ่านรอบรองชนะเลิศ ไทย กับ มาเลเซีย ก็โคจรมาพบกันอีกครั้งในรอบชิงชนะเลิศ และคราวนี้ผู้ชนะจะมีเพียงหนึ่งทีมเท่านั้น และก็เป็นเจ้าเดิมอย่าง "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ที่สวมบทเป็นฮีโร่ซัดประตูชัยให้กับ "ช้างศึก" ตั้งแต่ช่วงต้นเกม ส่งให้ ทีมชาติไทย คว้าแชมป์ อาเซียน คัพ ได้เป็นสมัยแรก
2000 รอบรองชนะเลิศ : ทีมชาติไทย 2-0 มาเลเซีย
แม้จะไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกันตอนรอบคัดเลือก แต่ ไทย และ มาเลเซีย ก็ต้องมาพบกันในรอบรองชนะเลิศ โดย ไทย ได้เล่นในบ้าน และเป็น "ซิโก้" อีกครั้งที่กดประตูใส่ "เสือเหลือง" ก่อนที่ ตะวัน ศรีปาน จะมาบวกเพิ่มเป็น 2-0 และทำให้ ทีมชาติไทย คว้าชัยชนะพร้อมกับลอยลำเข้ารอบชิงชนะเลิศก่อนที่จะคว้าแชมป์ได้อีกครั้ง
2002 รอบแบ่งกลุ่ม : มาเลเซีย 3-1 ทีมชาติไทย
นับตั้งแต่ปี 1996 ที่ทั้งสองทีมต่อสู้กันในรอบแบ่งกลุ่ม ในที่สุด มาเลเซีย ก็สามารถเอาชนะ ทีมชาติไทย ได้เป็นครั้งแรกด้วยเกมที่น่าประทับใจ แม้ว่า เทิดศักดิ์ ใจมั่น จะยิงประตูสุดสวยให้ ไทย ขึ้นนำ ทว่าเจ้าถิ่นก็งัดทีเด็ดซัด 3 ประตูรวดพลิกแซงเป็นผู้ชนะไปแบบหล่อ ๆ โดยที่ "เสือเหลือง" เป็นแชมป์กลุ่ม ส่วน "ช้างศึก" จบที่ 2 แต่สุดท้ายเป็น ไทย ที่สมหวังคว้าแชมป์สมัยที่ 3 ไปครอง
2004 รอบแบ่งกลุ่ม : มาเลเซีย 2-1 ทีมชาติไทย
เป็นอีกหนึ่งแมตช์ที่ ทีมชาติไทย ได้ประตูขึ้นนำ มาเลเซีย ไปก่อน แต่สุดท้ายก็เป็นผู้แพ้ โดย ศรายุทธ ชัยคำดี ยิงให้ทีมเยือนในครึ่งแรก แต่เจ้าถิ่นก็มายิงทีเดียว 2 ประตูในครึ่งหลัง และเป็นชัยชนะของ "เสือเหลือง" อีกครั้ง ซึ่งในปีนั้น มาเลเซีย คว้าอันดับ 3 ส่วนไทย จอดป้ายไว้แค่รอบแบ่งกลุ่ม
2007 รอบแบ่งกลุ่ม : ทีมชาติไทย 1-0 มาเลเซีย
ในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ทีมชาติไทย และ มาเลเซีย ต้องมาต่อสู้กันเพื่อจะหาแชมป์กลุ่ม และประตูโทนของ ศรายุทธ ชัยคำดี ก็กลายเป็นประตูตัดสินเกมนั้นไปเลย โดย ไทย คว้าแชมป์กลุ่ม ส่วน "เสือเหลือง" เข้ารอบเป็นอันดับสอง โดยปีนั้น "ช้างศึก" จบที่การเป็นรองแชมป์
2008 รอบแบ่งกลุ่ม : ทีมชาติไทย 3-0 มาเลเซีย
นี่เป็นหนึ่งในเกมที่ดุเดือดระหว่าง ทีมชาติไทย กับ มาเลเซีย แต่เป็น ไทย ที่มีทีเด็ดทีขาดกว่าเอาชนะไปด้วยสกอร์ 3-0 โดยได้ประตูจาก สุธี สุขสมกิจ และ ธีรศิลป์ แดงดา ที่เกมนี้ซัดไป 2 ตุง มาเลเซีย ร่วงตกรอบแบ่งกลุ่ม ส่วน ไทย เข้ารอบต่อไปในฐานะแชมป์กลุ่ม
2010 รอบแบ่งกลุ่ม : ทีมชาติไทย 0-0 มาเลเซีย
สถานการณ์ในตอนนั้น มาเลเซีย ขอแค่เสมอ ทีมชาติไทย ก็เพียงพอต่อการเข้ารอบ และพวกเขาก็ทำสำเร็จ แต่ที่น่าทึ่งกว่านั้นก็คือพวกเขาสามารถทะลุไปถึงนัดชิงชนะเลิศพร้อมกับคว้าแชมป์สมัยแรกไปครองได้สำเร็จ ส่วน ไทย ถือว่าล้มเหลวกับผลงานไม่ผ่านรอบแบ่งกลุ่ม
2012 รอบรองชนะเลิศ ทีมชาติไทย 3-1 มาเลเซีย (รวม 2 นัด)
มาเลเซีย แชมป์ กลุ่ม เอ โคจรมาพบกับ ทีมชาติไทย รองแชมป์ กลุ่ม บี โดยเกมนัดแรกที่ "บูกิต จาลิล" ไทย บุกไปเสมอ 1-1 ก่อนที่นัด 2 ธีรศิลป์ แดงดา และ ธีราทร บุญมาทัน จะมาช่วยกันยิงคนละหนึ่งประตูช่วยให้ "ช้างศึก" ลอยลำเข้ารอบชิงชนะเลิศไปได้สำเร็จ
2014 รอบแบ่งกลุ่ม : มาเลเซีย 2-3 ทีมชาติไทย
หนึ่งในแมตช์สุดมันระหว่าง ทีมชาติไทย กับ มาเลเซีย ในเกมที่ "เสือเหลือง" ขึ้นนำถึง 2 ครั้ง แต่งานนี้พระเอกคือ อดิศักดิ์ ไกรษร ที่กลายเป็นฮีโร่ของ "ช้างศึก" เมื่อจัดการเหมาคนเดียว 2 ประตูช่วยให้ ไทย พลิกแซงเอาชนะ มาเลเซีย 3-2 พร้อมกับผ่านทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ
2014 รอบชิงชนะเลิศ : ทีมชาติไทย 4-3 มาเลเซีย (รวม 2 นัด)
ปี 2014 ทั้งสองทีมโคจรมาพบกันอีกครั้งในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งในเกมแรกเป็น ทีมชาติไทย ที่ตุนสกอร์ไว้ก่อน 2-0 จากประตูของ ชาริล ชับปุยส์ และ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ แต่เกมมามันหยดในนัดที่ 2 ที่บ้านของ มาเลเซีย โดยเจ้าถิ่น ยิงหนีไปก่อน 3-0 ทว่า ไทย ได้ ชัปปุยส์ กับ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ช่วยกันยิงคนละหนึ่งตุงซึ่งเพียงพอสำหรับการคว้าแชมป์ของทัพ "ช้างศึก"
ข้อมูลจาก foxsportsasia.com
ภาพจาก AFP, youtube.com
