เรอัล มาดริด : จบ (3 ถ้วย) ใน 7 วัน

อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม บุกมาทุบ เรอัล มาดริด จนสิ้นลายแชมป์เก่า 4-1 ทั้งที่เกมแรก "ราชันชุดขาว" บุกไปเอาชนะ อาแจ็กซ์ มาได้ก่อน 2-1 ทำให้รวม 2 นัด มาดริด ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปแบบสุดช็อกด้วยสกอร์รวม 3-5

ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาดูเหมือนจะไม่ใครยิ่งใหญ่ในเวที แชมเปี้ยนส์ ลีก มากไปกว่า เรอัล มาดริด ที่พวกเขาคว้าแชมป์ 11 สมัย, 12 สมัย และ 13 สมัย มากที่สุดในประวัติศาสตร์ และเป็นทีมเดียวที่คว้าแชมป์ได้ 3 สมัยติดต่อกัน

ขณะที่ฤดูกาลนี้ใน ลา ลีกา ดูเหมือนพวกเขาจะห่างไกลกับคำว่าแชมป์มาตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น ดังนั้นเป้าหมายอันดับหนึ่งของพวกเขาก็คือการปกป้องการเป็นเจ้ายุโรปให้ได้เป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกัน

แต่ทว่าการถูกเขี่ยตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยน้ำมือของ อาแจ็กซ์ ทำให้เป้าหมายของซีซั่นนี้ของ เรอัล มาดริด แทบจะล่มสลาย เพราะทีมของกุนซือ ซานติอาโก้ โซลารี่ หมดลุ้นแชมป์รายการใหญ่ทั้ง 3 ถ้วยภายใน 7 วัน แถมยังทำสถิติแพ้คาบ้าน 4 นัดติดรวมทุกรายการ ซึ่งเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2004

โดยช่วงกลางสัปดาห์ที่แล้ว เรอัล มาดริด ร่วงตกรอบรองชนะเลิศ โกปา เดล เรย์ จากการพ่ายแพ้ต่อคู่รักคู่แค้นอย่าง บาร์เซโลน่า ด้วยสกอร์รวมสองนัด 1-4

จากนั้น บาร์เซโลน่า ก็บุกมาย้ำแค้น เรอัล มาดริด 0-1 และเป็นการบุกชนะถึง ซานติอาโก้ เบร์นาเบว เป็นเกมที่ 2 ในรอบ 4 วัน ซึ่งนัดนี้เป็นเกม ลา ลีกา ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ทำให้พวกเขาตามหลัง "เจ้าบุญทุ่ม" จ่าฝูงอยู่ถึง 12 คะแนนขณะที่เหลือการแข่งขันอีก 12 นัด เรียกได้ว่าการพลิกสถานการณ์ขึ้นไปเป็นแชมป์ลีกของ มาดริด แทบจะเป็นไปไม่ได้

เท่ากับว่าตอนนี้หลังจากที่หมดลุ้นไปทั้ง 3 รายการ เรอัล มาดริด ต้องปรับเปลี่ยนเป้าหมายไปเป็นการประคองตัวในลีกให้อยู่ในท็อป 4 เพื่ออย่างน้อยจะได้คว้าตั๋วไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า

และที่น่าสนใจสุด ๆ ในช่วงซัมเมอร์นี้ก็คือ แฟนบอลอาจจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ เรอัล มาดริด ทั้งการโล๊ะซูเปอร์สตาร์รุ่นเก่า และทุ่มเงินคว้าแข้งใหม่หลาย ๆ รายมาเสริมทัพ รวมถึงการเปลี่ยนตัวกุนซืออีกครั้ง

ภาพจาก AFP

ข้อมูลจาก sportbible.com