พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้ ดูเหมือนสถานการณ์ที่ลุ้นกันมันหยดไม่แพ้การลุ้นแชมป์ ก็คือการแย่งอันดับท็อป 4 เพราะจนถึงตอนนี้ยังมีถึง 4 ทีมใหญ่ที่มีลุ้นโควต้าไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และยังดูไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าสุดท้ายแล้วจะจบอย่างไร ทั้งที่เหลือแค่ 4 นัดสุดท้ายแล้วด้วยซ้ำ
สิ่งหนึ่งที่ทำให้การลุ้นท็อป 4 กลายเป็นสถานการณ์ที่พลิกไปพลิกมาอย่างคาดเดาไม่ได้นั่นก็คือ ทั้ง 4 ทีม ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์, เชลซี, อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่างก็มีปัญหาเหมือนกัน นั่นคือความแน่นอน และความคงเส้นคงวา ทำให้ตลอดทั้งซีซั่นนี้แต่ละทีมมีช่วงที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม แต่ก็ยืนระยะไม่ได้ทำแต้มหล่นหายกันอยู่เรื่อย ๆ
- สเปอร์ส ช่วงต้นซีซั่นฟอร์มแรงถึงขนาดเคยมีลุ้นแชมป์กับ แมนฯ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล แต่เข้าสู่ครึ่งซีซั่นหลังกลับแผ่ว และตอนนี้ก็แพ้ไปแล้วถึง 11 นัด
- เชลซี เริ่มต้นได้ยอดเยี่ยมภายใต้การคุมทีมของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ไม่แพ้ใครถึง 12 นัด แต่จากนั้นก็มีปัญหาภายในทีมเอง
- อาร์เซน่อล เริ่มต้นซีซั่นด้วยการแพ้ 2 นัดรวด แต่จากนั้นก็ชนะ 7 นัดติดต่อกัน และเคยไม่แพ้ใครถึง 14 เกม
- แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างที่คงรู้กันว่าหลังจาก โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ เข้ามาคุมทีม สามารถชนะเกมลีกได้ 6 นัดรวดและไม่แพ้ใคร 12 นัด แต่พอหมดโปรโมชั่น 5 นัดหลังสุดก็แพ้ซะ 3 รวมถึงล่าสุดที่โดน เอฟเวอร์ตัน ถล่มมา 4-0
การแข่งขันหลังจากนี้ไปก็ยังต้องบอกว่าทุกทีมมีโอกาสลุ้นอยู่ แต่หากดูจากโปรแกรมที่เหลือก็คงจะทำให้งานของแต่ละทีมยาก-ง่ายต่างกันไป
สเปอร์ส จะลงเล่นเกมที่ 35 ในคืนนี้พบกับ ไบรท์ตัน และต้องบอกว่า 4 นัดที่เหลือของพวกเขาดูมีโอกาสดีทีเดียว แต่ต้องไม่ลืมว่าทีมไก่เดือยทอง รวมถึง อาร์เซน่อล และ เชลซี ยังมีเกมยุโรปคั่นกลางอยู่
เมื่อดูถึงเรื่องเกมถ้วยยุโรป ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เหมือนจะได้เปรียบในข้อนี้ แต่ถ้าดูจากโปรแกรม 4 นัดที่เหลือ ทีม ปิศาจแดง ยังมีเกมโหดต้องเล่นกับ แมนฯ ซิตี้ ตามด้วย เจอกับ เชลซี ในนัดต่อไปซึ่งนี่อาจจะเป็นเกมสำคัญที่สุด
ส่วน อาร์เซน่อล นอกจากต้องเล่นเกมยุโรปแล้ว 4 นัดที่เหลือในลีก ก็เป็นการต้องออกนอกบ้านถึง 3 นัด และคู่แข่งแต่ละทีมก็ไม่ใช่จะเป็นของง่ายด้วย
นั่นทำให้การลุ้นอันดับท็อป 4 อาจจะต้องดูกันไปจนถึงนัดสุดท้าย หรือแม้กระทั่งนาทีสุดท้ายของฤดูกาลนี้จริง ๆ
ภาพ AFP