ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ : สเปอร์ส v ลิเวอร์พูล บนเวทียุโรป

        ในที่สุดศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2018-19 ก็ได้เดินทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งเป็นการโคจรมาพบกันของสองทีมจากอังกฤษอย่าง ลิเวอร์พูล รองแชมป์ปีก่อน และ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ ที่ผ่านเข้าชิงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร

ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2018-19 นัดชิงชนะเลิศ

ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ v ลิเวอร์พูล

วันที่ : คืนวันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน 2562 เวลา 02.00 น.

สนาม : ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่, มาดริด

 

        สเปอร์ส และ ลิเวอร์พูล ต้องเผชิญหน้ากันในแมตช์ชิงชนะเลิศที่สนาม ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่ กรุงมาดริด ประเทศสเปน ในวันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน 2562 เวลา 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย และจะมีเพียงหนึ่งทีมเท่านั้นที่จะได้ชูถ้วย "บิ๊กเอียร์" เราจะพาย้อนไปดูเรื่องราวที่น่าสนใจในการพบกันในอดีตบนเวทียุโรประหว่าง "ไก่เดือยทอง" และ "หงส์แดง"

       
 การพบกันในเวทียุโรป

        ยูฟ่า คัพ 1972-73 รอบรองชนะเลิศ

        ลิเวอร์พูล 1-0 สเปอร์ส
        สเปอร์ส 2-1 ลิเวอร์พูล
        (รวมผลสองนัด 2-2 ลิเวอร์พูล เข้ารอบด้วยกฎประตูทีมเยือน)

        การพบกันของทั้งคู่ในเวทียุโรปถือว่าสูสีมาก ๆ แต่เป็น ลิเวอร์พูล ที่เป็นฝ่ายสมหวัง ในรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า คัพ ฤดูกาล 1972-73 โดยประตูโทนของ อเล็ค ลินด์เซย์ ทำให้  เก็บชัยชนะนัดแรกไปได้ และในเกมที่สองแม้ มาร์ติน ปีเตอรส์ จะเหมาสองลูกให้กับ สเปอร์ส แต่ประตูของ สตีฟ ไฮเวย์ ก็ส่งให้ "หงส์แดง" ลอยลำเข้ารอบชิงชนะเลิศไปได้สำเร็จ

        สเปอร์ส v สโมสรจากอังกฤษในเวทียุโรป : ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 3

        ลิเวอร์พูล v สโมสรจากอังกฤษในเวทียุโรป : ชนะ 7 เสมอ 8 แพ้ 5

        การพบกันภายในประเทศ

        - สเปอร์ส กับ ลิเวอร์พูล พบกันมาทั้งหมด 170 ครั้ง "หงส์แดง" ชนะ 79 ส่วน สเปอร์ส ชนะ 48 ที่เหลือเสมอกัน 43 ครั้ง

        - ลิเวอร์พูล แพ้ให้ สเปอร์ส ไปเพียง 1 นัดจาก 14 นัดหลังสุดที่พบกัน นับตั้งแต่ปี 2013 โดยที่ "เดอะ เร้ดส์" เก็บชัยชนะไปถึง 9 นัด

        - ส่วนการเจอกันใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้เป็นชัยชนะของ "หงส์แดง" ทั้งไป-กลับ ด้วยสกอร์ 2-1 ทั้งสองนัด

        การพบกันในรอบชิงชนะเลิศ

        ลีก คัพ 1981-82 รอบชิงชนะเลิศ

        ลิเวอร์พูล 3-1 สเปอร์ส (ต่อเวลาพิเศษ)

        นาทีที่ 76 สเปอร์ส ทำประตูขึ้นนำต่อหน้าแฟนบอล 100,000 คนที่เข้าไปชมเกมใน เวมบลีย์ แต่แล้ว รอนนี่ วีแลน ก็มาตามตีเสมอให้ ลิเวอร์พูล ในช่วงก่อนหมดเวลาเพียง 3 นาที จากนั้นช่วงต่อเวลาพิเศษ วีแลน ก็มาทำประตูที่สองของตัวเอง ก่อนที่ เอียน รัช จะมายิงปิดกล่องส่งให้ "หงส์แดง" คว้าแชมป์ไปครอง

        "ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่" สังเวียนฟาดแข้งคู่ชิงชนะเลิศ

        นี่คือสนามเหย้าที่สร้างขึ้นใหม่แทนที่ บิเซนเต้ กัลเดรอน ซึ่งเป็นบ้านของแชมป์ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก 3 สมัยอย่าง แอตเลติโก มาดริด โดยเปิดใช้งานครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2017 ในเกมที่ แอต.มาดริด ชนะ มาลาก้า 1-0 ซึ่งผู้ที่ทำประตูในสนามนี้ได้เป็นคนแรกคือ อ็องตวน กรีซมันน์

        สนาม "ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่" ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงมาดริด ประเทศสเปน โดยมีความจุรองรับแฟนบอลได้ถึง 68,000 ที่นั่ง สนามแห่งนี้สร้างขึ้นด้วยความคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมในการใช้หลอดไฟ LED และพลังงานแสงอาทิตย์ และยังมีการนำน้ำฝนไปรีไซเคิลกลับมาใช้ใหม่อีกด้วย

ข้อมูลจาก uefa.com

ภาพจาก AFP