เกมบิ๊กแมตช์ พรีเมียร์ลีก ประเดิมสัปดาห์แรก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถล่ม เชลซี ไปขาดลอย 4-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม 2562 และผลการแข่งขันที่ออกมานำไปสู่ประเด็นที่น่าสนใจโดยเฉพาะสำหรับแฟน สิงโตน้ำเงินคราม เมื่อ แฟร้งค์ แลมพาร์ด เปิดฉากตอบโต้กับเจ้านายเก่าอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ ที่มาวิจารณ์การทำทีมของตัวเอง
มูรินโญ่ ทำหน้าที่เป็นผู้วิจารณ์เกมของ สกาย สปอร์ตส และมองว่า แลมพาร์ด ตัดสินใจพลาดที่ไม่ได้ส่งผู้เล่นที่มีประสบการณ์ลงสนามในเกมใหญ่ที่ต้องเจอกับ แมนยู ทั้ง เอ็นโกโล่ ก็องเต้, มาร์กอส อลอนโซ่ หรือ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ น่าจะได้ลงตัวจริง หรือไม่ก็มีส่วนร่วมกับเกมมากกว่านี้
อดีตกุนซือ เชลซี และ แมนยู กล่าวว่า "ถ้า วิลเลี่ยน เจ็บ ผมก็เข้าใจว่าเขาคงไม่ได้มากับทีมด้วย แต่ถ้าไม่ได้เจ็บอาจจะเป็นเพราะยังไม่พร้อมเต็มร้อยแต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาไม่ได้มาด้วย เพราะการลงเล่นสัก 20-30 นาทีคุณไม่จำเป็นต้องฟิตเต็มร้อย คุณอาจจะเจ็บมา 3 สัปดาห์แต่ถ้าใจคุณพร้อมก็ถือว่าคุณเล่นได้"
"ส่วน ก็องเต้ ถ้าเขาเล่นได้เกินครึ่งชั่วโมงเขาก็เล่นตัวจริงได้ แล้วหลังจากนั้นถ้าเขาอยู่ในสนามได้แค่ชั่วโมงเดียวมันก็ไม่เป็นไร มันก็พูดยากเพราะผมไม่ได้อยู่ในทีมเขา แล้วบางทีข้อเท็จจริงมันอาจจะต่างไปโดยสิ้นเชิงก็ได้"
"อลอนโซ่, ก็องเต้, ชิรูด์ พวกนี้นั่งอยู่ข้างสนาม และนี่คือการมาเล่นที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ถึงแม้มันจะไม่ใช่ทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ใคร ๆ กลัว แต่นี่ก็คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นี่คือเกมแรกที่เตะในบ้าน เกมแรกของฤดูกาล แฟนบอลในสนามคึกคักมาก และการเติมประสบการณ์ลงไปมากกว่านี้น่าจะเหมาะกว่า"
ด้าน แลมพาร์ด หลังจากได้รับทราบจากผู้สื่อข่าวถึงเรื่องที่ถูก มูรินโญ่ วิจารณ์ ก็ตอบทันทีโดยยืนยันว่าผู้เล่นดาวรุ่งอย่าง เมสัน เมาท์ หรือ แทมมี่ อับราฮัม ที่ได้ลงสนามต่างก็ทำหน้าที่ได้ดี และการเลือกทีมลงเล่นตนเองก็มองถึงภาพรวมทั้งฤดูกาลด้วย
"เขาไม่ชอบการเล่นของ เมสัน เมาท์ เหรอ ? เขาพูดแบบนั้นจริงอ่ะ ? ว้าว เอาจริงนะ ผมไม่อาจจะลากผู้เล่นออกจากห้องพยาบาลแล้วเข็นลงสนามได้หรอกไม่ว่าเขาจะเป็นตัวเก๋าหรือเปล่า และผู้เล่นชุดนี้ก็คือพวกที่ลงไปเล่นเกมที่เราเป็นฝ่ายเหนือกว่าคู่แข่งอย่างชัดเจนตลอดช่วง 45-60 นาที"
"สิ่งที่เห็นได้คือเราทำความผิดพลาดในส่วนของบุคคลที่ทำให้เสียประตูไป 4 ลูกจากการยิงเข้ากรอบ 5 ครั้ง ฉะนั้นนั่นคือความจริงที่น่าเจ็บปวดสำหรับเรา"
"ผมไม่จำเป็นจะต้องมาคอยสนใจกับสิ่งที่คนอื่นพูด ไม่ว่าจะเป็นนักวิจารณ์หรือใครก็ตาม พวกเขาก็พูดไปตามหน้าที่ ในขณะเดียวกันสิ่งที่ชัดเจนก็คือทีมที่เรามีและผมเชื่อในทีมของเรา" แลมพาร์ด กล่าว
ภาพ AFP
