ยูเวนตุส จัดการปลด เมาริซิโอ ซาร์รี่ ออกจากตำแหน่งกุนซือไปทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งฉลองแชมป์ เซเรีย อา ร่วมกับลูกทีมแบบไปชื่นมื่นเมื่อสัปดาห์ก่อน
กุนซือชาวอิตาลี ต้องกลายเป็นอดีตนายใหญ่ ยูเว่ หลังพาทีมตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แม้ว่าจะเอาชนะ ลียง ไปได้ด้วย ผลบอล 2-1 ทว่าเมื่อรวมผล 2 นัดแล้ว เสมอกัน 2-2 แต่ทาง ลียง เป็นฝ่ายเข้ารอบด้วยกฎยิงประตูทีมเยือน
ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ผู้จัดการทีมถูกปลดแม้ว่าจะสามารถนำสโมสรคว้าถ้วยรางวัลมาได้สำเร็จก็ตาม และนี่คือ 5 กุนซือดังที่ต้องตกเก้าอี้ทั้งที่เพิ่งพาทีมคว้าแชมป์
5. เมาริซิโอ ซาร์รี่ (ยูเวนตุส)
ซาร์รี่ เลือกโบกมือลา เชลซี ทั้งที่เพิ่งพาทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก เพื่อไปคุม ยูเวนตุส ซึ่งผลงานของเขาก็ถือว่าไม่เลวทีเดียว กับการพาทัพ ม้าลาย คว้าสคูเด็ตโต้เป็นสมัยที่ 9 ด้วยสถิติ ชนะ 14 จาก 15 เกมในบ้าน
แต่ทว่าหนึ่งสัปดาห์ต่อมา กุนซือวัย 61 ปี ต้องกระเด็นตกเก้าอี้แบบเซอร์ไพรส์ไม่น้อย หลังพา ยูเว่ จอดป้ายในถ้วย บิ๊กเอียร์ ไว้แค่รอบ 16 ทีม และทีมดังแห่งตูรินก็ประกาศแต่งตั้ง อันเดรีย ปิร์โล่ อดีตฮีโร่เพลย์เมคเกอร์ของทีมขึ้นรับตำแหน่งเทรนเนอร์คนใหม่ทันที
4. อูไน เอเมรี่ (เปแอสเช)
เปแอสเช หวังว่า ประสบการณ์ในการเป็นแชมป์ ยูโรป้า ลีก ถึง 3 สมัยของ เอเมรี่ จะช่วยทีมได้มากทั้งใน ลีก เอิง และ แชมเปี้ยนส์ ลีก ทว่าฤดูกาลแรกของเขานั้นเริ่มต้นไม่ดีนักเมื่อ เปแอสเช ต้องเสียแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีให้กับ โมนาโก
และที่ทำให้เรื่องแย่ลงไปอีกก็คือเกมพลิกนรกในตำนานของ บาร์เซโลนา ในรอบตัดเชือก ยูซีแอล เมื่อ ปแอสเช ต้องพ่ายแพ้แบบสุดช็อก 1-6 ทั้งที่เกมแรกพวกเขายิง บาร์ซ่า ไปถึง 4 ประตู
อย่างไรก็ตาม เอเมรี่ ก็พาทีมกลับมาคว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จ รวมถึงเป็นแชมป์บอลถ้วยไป 4 หน แต่ เปแอสเช ก็เลือกที่จะแยกทางกับเขา หลังจากเพิ่งพาทีมเป็นแชมป์ เฟร้นช์ ลีก คัพ ได้ไม่นาน
3. อันโตนิโอ คอนเต้ (เชลซี)
หลังจากพา เชลซี คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จในการคุมทีมฤดูกาลแรก ปีถัดมา คอนเต้ ก็ต้องเจอกับซีซั่นที่ยากลำบากเมื่อเขาพา สิงโตน้ำเงินคราม จบอันดับ 5 บนตารางคะแนน
อย่างไรก็ตาม กุนซือชาวอิตาลี ก็ยังกู้หน้าได้ด้วยการพา เชลซี เป็นแชมป์ เอฟเอ คัพ ด้วยการเอาชนะ แมนยู ของ โชเซ่ มูรินโญ่ ในรอบชิงชนะเลิศ แต่มันไม่เพียงพอทำให้เขาได้นั่งตำแหน่งนายใหญ่ของ สิงห์บลูส์ ต่อไป เพราะหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถูกแทนที่โดย เมาริซิโอ ซาร์รี่
2. หลุยส์ ฟาน กัล (แมนยู)
หลังจากพา ทีมชาติฮอลแลนด์ ทำผลงานยอดเยี่ยมไปถึงรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2014 ฟาน กัล ก็เข้ามาคุม แมนยู พร้อมกับความคาดหวังของแฟน ๆ ปีศาจแดง
แต่ช่วงเวลา 2 ปี กุนซือชาวดัตช์ ใช้งบประมาณในการซื้อผู้เล่นเข้ามามากมายกว่า 250 ล้านปอนด์ ทว่าผลงานของผู้เล่นที่เขาซื้อหาเข้ามาแทบจะไม่มีใครที่โชว์ฟอร์มได้แบบอลังการงานสร้างเลยไม่ว่าจะเป็น อังเคล ดิ มาเรีย, เมมฟิส เดปาย, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ หรือว่า มอร์แกน ชไนเดอร์แล็ง
อย่างไรก็ตาม ฟาน กัล ก็ยังสามารถพา แมนยู คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ติดมือมา 1 รายการ ซึ่งถือเป็นแชมป์แรกของทีมนับตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือไป แต่สุดท้าย กุนซือรุ่นเดอะ ก็ไม่รอดโดนปลดไปแบบเจ็บปวด โดยที่ แมนยู ได้แต่งตั้ง โชเซ่ มูรินโญ่ คุมทีมแทน งานนี้ทำเอา กุนซือจอมปรัชญา แค้นฝังหุ่นมาจนถึงวันนี้
1. บิเซนเต้ เดล บอสเก้ (เรอัล มาดริด)
ถือเป็นเคสที่น่าปวดใจที่สุดสำหรับ เดล บอสเก้ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดกุนซือผู้นำ เรอัล มาดริด ครองความยิ่งใหญ่ในวงการลูกหนังอยู่ช่วงหนึ่ง กับผลงานการพาทีมคว้าแชมป์ ลา ลีกา 2 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย และถ้วยรางวัลอื่น ๆ อีก 3 รายการ
ซึ่งหลังจากมีข่าวลือออกมาว่าเริ่มเกิดความตึงเครียดระหว่าง เดล บอสเก้ กับบรรดาผู้เล่นซูเปอร์สตาร์หลายคน และบานปลายกลายเป็นเรื่องการเมืองภายในทีม เรอัล มาดริด
ในที่สุด ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสรมาดริด ก็เลือกที่จะแยกทางกับ กุนซือชาวสแปนิช 2 วันหลังจากเพิ่งพาทีมคว้าแชมป์ ลา ลีกา สมัยที่ 2 ในรอบ 4 ปี และนับตั้งแต่นั้น ราชันชุดขาว ก็เปลี่ยนแปลงตัวกุนซือไปอีก 7 ครั้งในช่วง 4 ปีต่อมา
ข้อมูลจาก sportskeeda
ภาพจาก AFP