มิเชล พลาตินี่ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) เน้นย้ำแนวคิดที่จะให้มีการปฏิรูประบบการแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ศึกระดับสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทวีปยุโรป โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาการผูกขาดของบรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่ของแต่ละลีกที่จองโควต้ามาเล่นกันแบบซ้ำหน้าเดิมๆ ทุกปี ด้วยการโยกสิทธิ์จากอันดับที่ 3 หรือ 4 ของชาติยักษ์ใหญ่ ไปให้กับเจ้าของตำแหน่งแชมป์ฟุตบอลถ้วยของชาตินั้นๆ แทน
อดีตดาวเตะฉายา "นโปเลียนลูกหนัง" ยกตัวเอากรณีของลีก พรีเมียร์ชิพ ของอังกฤษขึ้นมาเป็นตัวอย่างว่า 4 ทีมยักษ์ใหญ่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี, ลิเวอร์พูล และ อาร์เซน่อล นั้นสามารถจับจองสิทธิ์มาเล่นในถ้วยใบใหญ่ยุโรปได้เป็นประจำโดยที่ทีมอื่นไม่สามารถสอดแทรกเข้ามาได้เลยในช่วงหลายปีหลัง ซึ่ง พลาตินี่ เชื่อว่าภายในสองปีนับจากนี้ โควต้าของทีมอันดับ 4 ในลีกผู้ดีควรที่จะต้องเปลี่ยนไปให้กับทีมแชมป์ เอฟเอ คัพ แทน
บิ๊กบอส ยูฟ่า กล่าวว่า "เอฟเอ คัพ เป็นหนึ่งในรายการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และทีมที่ชนะเลิศรายการนี้ก็คู่ควรกับการได้เข้ามาเล่นใน แชมเปี้ยนส์ ลีก มากกว่าที่จะเป็นทีมอันดับ 4 เราต้องการแน่ใจว่าทีมที่มีสถานะการเงินอู้ฟู่อยู่แล้วจะไม่ยิ่งร่ำรวยขึ้นไปอีก"
ขณะเดียวกัน พลาตินี่ ยังมีความคิดอีกว่าเกมการแข่งขันถ้วยยุโรปควรที่จะโยกไปเตะกันในช่วงสุดสัปดาห์แทนที่จะเล่นในช่วงกลางสัปดาห์ โดยให้เหตุผลว่า "ในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศที่ เอเธนส์ เมื่อเดือนพ.ค. ผมแปลกใจมากที่ไม่ได้เห็นแฟนบอลพากันมาชมเกมเป็นครอบครัวพร้อมๆ กับลูกหลานเลย เรื่องนี้คงจะเปลี่ยนไปถ้าเกมถูกโยกไปเล่นในสุดสัปดาห์"
อย่างไรก็ตาม แนวคิดดังกล่าวดูเหมือนจะไม่ค่อยเป็นที่ถูกใจของสโมสรยักษ์ใหญ่เมืองผู้ดีนัก จากการที่ เดวิด กิลล์ ประธานบริหารของ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ออกมากล่าวตอบโต้ทันทีว่า "ระบบแบบเดิมมันก็ดีอยู่แล้ว และเราก็แน่ใจได้ว่าทีมที่ได้สิทธิ์คือทีมที่ดีที่สุด"