จิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้ ที่กลับไปตั้งหลักอีกครั้งใน แชมเปี้ยนชิพ กำลังสร้างผลงานสุดยอด หลังเก็บชัยชนะในลีกมาต่อเนื่อง 4 เกมรวด
เลสเตอร์ จบอันดับที่ 18 ของโปรแกรมบอล พรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาล 2022-23 ทำให้พวกเขาต้องกลับไปเล่นใน แชมเปี้ยนชิพ อีกครั้งในฤดูกาล 2023-24
โดยที่ เดอะ ฟ็อกซ์ มีกุนซือคนใหม่ที่ชื่อว่า เอ็นโซ่ มาเรสก้า เป็นแม่ทัพคนใหม่ โดยมีบทพิสูจน์ และเป้าหมายสำคัญในการพาทีมกลับสู่ พรีเมียร์ลีก ให้ได้อีกครั้ง
ซึ่ง เลสเตอร์ เปลี่ยนแปลงทีมครั้งใหญ่ด้วยการปล่อยผู้เล่นชื่อดังออกไปหลายรายทั้ง ยูริ ตีเลอมองส์, ชากลาร์ โซยุนซู, ไรอัน เบอร์ทรานด์, อโยเซ่ เปเรซ, ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ และ เจมส์ แมดดิสัน ขณะที่ มาร์ค อัลไบรตัน และ เจมี่ วาร์ดี้ เป็นผู้เล่นชุดแชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2015-16 ที่ยังอยู่กับทีมในชุดปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม เลสเตอร์ นั้นสามารถเริ่มต้นฤดูกาลด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมชนะในลีก 4 นัด และบอลถ้วยอีก 1 นัด รวมเป็นเก็บชัย 5 นัดรวด โดยขึ้นเป็นจ่าฝูงของ แชมเปี้ยนชิพ ซึ่งเกมล่าสุด บุกเฉือน ร็อตเธอร์แฮม ด้วยผลบอลสด 2-1 จากการเหมาคนเดียวของดาวรุ่งอย่าง เคซี่ย์ แม็คเอเทียร์
สำหรับ เลสเตอร์ ภายใต้การคุมทีมของ กุนซือชาวอิตาลี นั้นปรับทัพด้วยการเน้นกองหลัง 3 ตัว โดยที่ ยานนิค เวสเตอร์การ์ด ประสานงานกับ เวาต์ ฟาส และ คัลลั่ม ดอยล์ ได้อย่างแข็งแกร่ง โดยใช้แบ็กขวาอย่าง ริคาร์โด้ เปเรยร่า ดันขึ้นช่วยในแดนกลาง
ส่วนกองกลาง วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ จับคู่กับ แฮร์รี่ วิงค์ส โดยมี เคียร์แนน ดิวส์เบอรี่-ฮอลล์ เป็นหัวใจในแดนกลาง และมีแข้งใหม่อย่าง สเตฟี่ มาวิดีดี้ เข้ามาทดแทนการขาดหายไปของพวกแนวรุกทั้ง บาร์นส์ และ แมดดิสัน ได้เป็นอย่างดี รวมถึงมีความหวังใหม่เป็นดาวรุ่งอย่าง แม็คเอเทียร์ ขณะที่กองหน้านั้นฝากความหวังไว้ที่ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ โดยมี วาร์ดี้ เป็นตัวแบ็กอัพทีเด็ด
แม้ว่าหนทางยังอีกยาวไกล แต่ก็ถือว่า เลสเตอร์ ในยุคใหม่ของ มาเรสก้า นั้นเปิดหัวมาได้อย่างมีอนาคต และมีความหวัง ซึ่งหลังจากนี้ต้องรอดูกันต่อว่าพวกเขาจะรักษาผลงาน และยืนระยะจนสามารถกลับคืนสู่เวที พรีเมียร์ลีก ได้อีกครั้งหรือไม่ ?
ภาพจาก lcfc.com
