ฟิล โจนส์ ออกมาย้อนความหลังในช่วงท้ายของการเป็นนักเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ว่ามีเหตุการณ์ที่ทำให้เขาลืมไม่ลงจากการถูก ราล์ฟ รังนิค อดีตผู้จัดการทีม ปีศาจแดง ทำให้เขารู้สึกขายหน้าอย่างมาก
สำหรับ ฟิล โจนส์ ใช้เวลาค้าแข้งกับบ้านผลบอล แมนยู มานานกว่าทศวรรษหลังจากเซ็นสัญญามาจาก แบล็คเบิร์น ในปี 2011 โดยลงสนามให้กับ ปีศาจแดง ไป 229 นัด
อดีตกองหลังทีมชาติอังกฤษ ใช้เวลาช่วงปีท้าย ๆ ของอาชีพค้าแข้งที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ส่วนใหญ่ไปกับการเป็นตัวสำรองก่อนจะอำลาสโมสรไปในปี 2023 ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าเหตุการณ์ที่ทำให้เขาเจ็บปวดคือนัดที่พ่าย 0-4 ให้กับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง ลิเวอร์พูล เมื่อเดือนเมษายน 2022
โดยตอนนั้น ราล์ฟ รังนิค รับหน้าที่เป็นกุนซือชั่วคราวให้กับ แมนยู และต้องขาดผู้เล่นตัวหลักหลายคนก่อนการเดินทางไปเยือน แอนฟิลด์ จึงเลือกส่ง โจนส์ ลงสนามเป็นตัวจริงในเกมแดงเดือดก่อนจะถอดออกในช่วงพักครึ่ง
ฟิล โจนส์ เผยว่า "ผมไม่เคยเสียสติในห้องแต่งตัว และไม่เคยควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ในห้องแต่งตัว แต่ผมคิดว่านั่นเป็นครั้งเดียวในอาชีพการงานของผมที่สติหลุดไปเลย ผมโกรธมาก โกรธมากที่เขาทำให้ผมขายหน้า ทำให้ผมอับอายต่อหน้าฝูงชนที่ แอนฟิลด์ ต่อหน้าคู่แข่ง แฟนบอล ครอบครัวของผม และเพื่อนร่วมทีม"
"เราตามหลัง 2-0 ในครึ่งแรก ฟอร์มไม่ดีเลย ผมไม่คิดว่าเราจะมีโอกาสยิงตรงกรอบในครึ่งแรก แต่ผมก็ทำได้ดีในเกมนี้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา สิ่งที่ผมเผชิญรวมถึงอาการบาดเจ็บ ผมมองย้อนกลับไปที่เกมนั้น มันยิ่งชัดเจนว่าผมไม่ได้ทำบอลเสีย ผมเล่นด้วยความนิ่งภายใต้แรงกดดัน"
"ผมไม่ได้บอกว่าผมเป็นคนพิเศษ แต่ผมไม่สมควรถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงพักครึ่งอย่างแน่นอน ในวันนั้นมีผู้เล่นที่แย่กว่ามากในสนาม แต่ผมกลายเป็นคนที่ถูกเปลี่ยนตัวออกไปแบบง่าย ๆ แล้วคุณก็เป็นแพะรับบาปอย่างง่ายดาย"
"ตอนพักครึ่งแรก ผมจำได้ว่า ราล์ฟ เข้ามาแล้วพูดว่า 'ผมจะเปลี่ยนตัว ฟิล จะถูกถอดออก' ผมจำได้ว่าทั้งห้องแต่งตัวต่างพากันทำหน้างงราวกับจะถามว่า 'เขาจะเปลี่ยน ฟิล ออกเนี่ยนะ"
"ผมถอดรองเท้าออกปากระแทกลงบนพื้นแล้วพูดว่า 'คุณกำลังทำให้ผมหงุดหงิดนะ' ทุกคนก็บอกว่า 'ใจเย็น ๆ' ตอนนั้นผมเริ่มโมโหแล้ว พอคิดถึงเรื่องนี้ มันส่งผลกระทบต่อความรู้สึกผมจริง ๆ"
"ผมไม่เข้าใจจริง ๆ แต่ผมก็ไปขอโทษเขาในภายหลัง ผมบอกว่า 'มันไม่ใช่นิสัยผมเลย ผมไม่ควรทำแบบนั้น ตอนนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่ควรทำในห้องแต่งตัว แต่คุณคงเข้าใจได้ว่าผมค่อนข้างหงุดหงิด"
ข้อมูลจาก mirror.co.uk/sport/football
ภาพจาก AFP