
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก
นิวคาสเซิ่ล 2 - 1 สเปอร์ส
"สาลิกาดง" นิวคาสเซิ่ล เปิดสังเวียนเซนต์ เจมส์ พาร์ค รับการมาเยือนของ ไก่เดือยทอง สเปอร์ส โดยเจ้าบ้านขาด โอบาเฟมี่ มาร์ตินส์ กองหน้าตัวเก่งที่บาดเจ็บ ส่วนทีมเยือนขาด โจนาธาน วู้ดเกต ปราการหลังตัวหลักที่บาดเจ็บไปเช่นกัน
เริ่มเกมทั้งสองฝ่ายพยายามเปิดเกมรุกเข้าใส่กัน โดยทางฝั่งเจ้าบ้านดูจะเดินเกมบุกได้ดีกว่า เกมมาถึงนาทีที่ 11 นิวคาสเซิ่ล ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 เริ่มจาก เชย์ กีฟเว่น เตะยาวมาจากหน้าประตู บอลลอยไปถึงเขตโทษของ สเปอร์ส โดยมี ชาร์ล เอ็นซอกเบีย วิ่งเบียดไปกับ เบอนัวต์ อัสซู เอก็อตโต้ แล้วลมลงทั้งคู่ แต่ เอ็นซอกเบีย ลุกขึ้นมาได้ก่อน แล้วตวัดยิงบอลเข้าประตูไป
นิวคาสเซิ่ล ยังเดินเกมรุกอย่างต่อเนื่อง นาทีที่ 26 เอ็นซอกเบีย พาบอลลุยจากสุดเส้นหลังทางซ้าย หลุดเข้ามาในเขตโทษแล้วยิงมุมแคบ แต่ โกเมส ลอยตัวปัดหลุดกรอบไปได้ แต่นาทีถัดมา สเปอร์ส ตามตีเสมอได้ ไมเคิ่ล ดอว์สัน สกัดบอลจากกลางสนาม ลอยมาหน้าประตูนิวคาสเซิ่ล ให้ ลูก้า โมดริช หลุดเดี่ยวไปยิงด้วยขวา บอลพุ่งเรียดเสียบเสาสองเข้าไป สกอร์เป็น 1-1
นิวคาสเซิ่ล เปลี่ยนตัวในนาทีที่ 29 ถอด อเมโอบี้ ออก และส่ง มาร์ค วิดูก้า ลงมาเล่นแทน นาทีที่ 32 โรมัน พาฟลิวเชนโก้ พาบอลมาซัดด้วยซ้ายเต็มข้อที่หน้าเขตโทษ เชย์ กีฟเว่น ต้องออกแรงชกทิ้งออกไป
เกมกลับมาสูสีกัน แต่ไม่มีฝ่ายไหนทำประตูเพิ่มกันได้อีก จบครึ่งแรกจึงยังเสมอกันอยู่ 1-1
เริ่มครึ่งหลัง เป็นนิวคาสเซิ่ลที่เปิดเกมรุกเข้าใส่ แต่ว่าจังหวะสุดท้ายยังดูขาดๆ เกินๆโดยตลอด นาทีที่ 65 สเปอร์สได้โอกาสจากจังหวะโต้กลับ อารอน เลนน่อน จ่ายบอลให้ ทอม ฮัดเดิลสตัน ยิงจากนอกเขตโทษ แต่ว่าบอลข้ามคาน
5 นาทีถัดมาเป็นโอกาสของนิวคาสเซิ่ลบ้าง เอ็นซอกเบียเปิดบอลเข้ามากลางประตู วิดูก้า จับบอลหลุดมาเข้าทาง โอเว่น วิ่งเข้ามายิงซ้ำ แต่บอลข้ามคานไปหวุดหวิด
นิวคาสเซิ่ลเปิดเกมบุกได้มากกว่าในช่วงที่เหลือ และมาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งในนาทีที่ 90 เมื่อ เดเมี่ยน ดัฟฟ์ ทำชิ่งกับ มาร์ค วิดูก้า หลุดเข้ากรอบเขตโทษจิ้มด้วยซ้ายบอลค่อยๆ ไหลเข้ากลางประตูให้ สาลิกา ออกนำ 2-1 และจบเกมด้วยชัยชนะของเจ้าบ้านในที่สุด
รายชื่อผู้เล่น
นิวคาสเซิ่ล : เชย์ กีฟเว่น - ฮาบิบ เบย์, เซบาสเตียง บาสซง, ฟาบริซิโอ โกลอชชินี่, โฆเซ่ เอนริเก้ - โฮนาส กูเตียเรซ, แดนนี่ กัทธรี, นิกกี้ บัตต์, ชาร์ล เอ็นซอกเบีย - โชล่า อเมโอบี้, ไมเคิล โอเว่น
สปอร์ส : เอเรลโญ่ โกเมส - เวดราน ชอร์ลูก้า, เลดลี่ย์ คิง, ไมเคิ่ล ดอว์สัน, เบอนัวต์ อัสซู เอก็อตโต้ - เดวิด เบนท์ลี่ย์, ดิดิเยร์ โซโกร่า, ทอม ฮัดเดิ้ลสตัน,อารอน เลนนอน,โรมัน พาฟลิวเชนโก้,ลูก้า โมดริช
เวสต์บรอมวิช 2 - 1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ที่สนาม เดอะ ฮอว์ธอร์น เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน รับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยเกมนี้เจ้าบ้านจัดระบบการเล่น 4-4-2 หัวหอกคู่เป็น ลุค มอร์ กับ โรมัน เบ็ดนาร์ ส่วนทีมเยือนมาเล่นเกมนี้ด้วยการขาด โรบินโญ่ ที่มีอาการบาดเจ็บรวมทั้ง โช กองหน้าร่างโย่งไม่มีชื่อเช่นเดียวกัน มาร์ค ฮิวจ์ส จัดการส่ง เบนจานี่ เอ็มวารูวารี่ ยืนเป็นหอกเป้าโยมี ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ และ ดาริอุส วาสเซลล์ ประกบ
เริ่มเกมทั้งสองทีมต่างเปิดเกมรุกแลกกันทันทีโดยเจ้าบ้านอาศัยการต่อบอลสั้นก่อนกระชากถึงเส้นหลังโยนเข้ากลางได้ลุ้นประตูหลายครั้ง แต่จังหวะจะแจ้งกลับเป็นทีมเยือนที่มีโอกาสก่อน เมื่อ ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์ ได้สับไกระยะ 19 หลาบอลพุ่งตรงกรอบแต่กองหลัง เดอะ แบ็กกี้ส์ บล็อกออกหลังไปได้ทันเวลา
เกมผ่านมาถึงนาทีที่ 20 แม้ว่าทั้งสองทีมจะเปิดเกมแลกกันแต่จังสุดท้ายยังไม่พอ แม้ว่า ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์ จะได้วิ่งมายิงเต็มข้อจากการจ่ายของ วาสเซล ที่ปากประตูยังติดบล็อกข้ามคานอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 30 เจ้าบ้านน่าได้ประตูขึ้นนำเหลือเกินเมื่อ โรมัน เบ็ดนาร์ ได้บอลจาก พอล โรบินสัน บนเส้นเขตโทษด้านขวาก่อนแตะหลบกองหลังแล้วตามเข้ายิงด้วยขวาเต็มแรงบอลพุ่งชนโคนเสาแรกกระดอนออกมาพลาดการได้ประตูแบบน่าเสียดายสุดๆ
นาทีที่ 37 ทีมเยือน แมนฯ ซิตี้ ได้ตอบโต้บ้างเมื่อ ไรท์-ฟิลลิปส์ ได้กระหลกองหลัง 3 คนแต่จังหวะสุดท้ายโดนสกัดบอลมาเข้าทาง เกลสัน แฟร์น็องเดส จัดการสับเต็มข้อบอลพุ่งตรงตัว คาร์สัน รับได้ไม่พลาด จากนั้นนาทีที่ 43 เวสต์บรอมฯ ได้ลุ้นประตูอีกครั้งเมื่อได้ฟาวล์ริมเขตโทษด้านขวา โจนาธาน กรีนนิ่ง รับหน้าเปิดเข้ากลางให้ โยนาส โอลส์สัน เทกตัวโขกแต่กดบอลไม่ลงข้ามคานออกหลังไปไม่ได้ลุ้น
นาทีสุดท้ายของเกม เรือใบ น่าได้ประตูขึ้นเหลือเกินเมื่อ ไมก้าห์ ริชาร์ด ไดยิงซ้ำลูกฟรีคิกระยะแค่ 6 หลาแต่กองหลังดาวรุ่งกลับงัดบอลโด่งข้ามคานพลาดโอกาสได้ประตูขึ้นนำแบบน่าผิดหวัง ทำให้จบครึ่งแรกไม่มีทีมไหนทำประตูได้เสมอกันไปก่อน 0-0
เริ่มเกมครึ่งหลัง เรือใบ เป็นฝ่ายเขี่ยลูกเริ่มเล่นก่อนและเปิดฉากบุกเข้าใส่เจ้าบ้านหวังยิงประตูแรกให้ได้ทันที นาทีที่ 49 เรือไบเกือบได้ประตูขึ้นนำเมื่อ ไมเคิ่ล บอลล์ ได้เติมเกมรุกขึ้นมาถึงกลางสนามก่อนตัดสินใจยิงไกลบอลพุ่งตรงกรอบแต่ว่า คาร์สัน ยังรับเอาไว้ได้ไม่พลาด
นาทีที่ 53 แมนฯ ซิตี้ น่าได้ประตูแรกเป็นที่สุดเมื่อ ซาบาเลต้า แบ็กขวาเติมเกมขึ้นมาก่อนจ่ายบอลเข้ากลางให้ ไรท์-ฟิลลิปส์ ซัดด้วยขวาเต็มข้อระยะแค่ 8 หลาแต่บอลยังไปตรงตัว คาร์สัน รับเอาไว้ได้อีกครั้ง
เกมมาถึงนาทีที่ 58 แมนฯ ซิตี้ ต้องปรับหมากการเล่นเมื่อ เบนจานี่ เกิดอาการบาดเจ็บที่ต้นขาขณะวิ่งไล่บอลจนเล่นต่อไม่ได้ต้องเปลี่ยนตัวออกและส่ง เฟลิเป้ ไซเซโด้ มาเล่นแทน
นาทีที่ 69 เกมโต้กลับของเจ้าบ้านประสบความสำเร็จอย่างสวยงามเมื่อเสียลูกเตะมุมแล้วช่วยกันเคลียร์ออกมาก่อน ลุค มอร์ จะหลุดกับดักล้ำหน้ารับบอลมาจากเพื่อเลี้ยงเข้าเขตโทษจิ้มบอลลอดตัว โจ ฮาร์ท เข้าประตูอย่างสวยงาม เวสต์บรอมวิช ออกนำไปก่อน 1-0
หลังจากเสียประตู แมนฯ ซิตี้ พยายามเปิดเกมรุกเข้าเจ้าบ้านหวังตีเสมอให้ได้แต่ทีมเวิร์คในการเข้าทำยังไม่ประสบสำเร็จโดนกองหลังช่วยกันเคลียร์ไว้ได้หมดแม้ว่านาทีที่ 81 ไมก้าห์ ริชาร์ดส์ จะได้เติมมาโหม่งแต่ยังข้ามคานไม่ได้ลุ้นแถมยังเป็นลูกล้ำหน้าอยู่ก่อนแล้วด้วย
ในที่สุดความพยายามของ เรือใบ มาประสบผลสำเร็จจนได้ในนาทีที่ 84 เมื่อได้ลูกเตะมุม เฟลิเป้ ไซเซโด้ อาศัยจังหวะชุลมุนตอกส้นส่งลูกชนเสาสองกระดอนเข้าประตูอย่างสวยงามสกอร์เป็น 1-1
อีก 2 นาทีถัดมา เคร็ก บีทตี้ ตัวสำรองเจ้าบ้านน่าบวกประตูเพิ่มให้ทีมได้เมื่อได้จังหวะสับไกด้วยขวาระยะ 19 หลาบอลผ่านมือ ฮาร์ท ไปแล้วแต่กลับหลุดกรอบเสาสองออกไปอย่างน่าเสียดายที่สุด
เกมทำท่าว่าจะจบลงด้วยการเสมอกันอยู่แล้วแต่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 2 โรมัน เบ็ดนาร์ มาทำแสบจนได้เมื่อได้ขึ้นโขกลูกเปิดด้านข้างของ จานนี่ ซุยเวอร์ลูน แบบโล่งๆ ส่งบอลผ่าน ฮาร์ท เข้าประตูอย่างสวยงาม เวสต์บรอม กลับมานำอีกครั้ง 2-1 และจบการแข่งขันด้วยสกอร์ดังกล่าว
รายชื่อผู้เล่น
เวสต์บรอมวิช : สกอตต์ คาร์สัน - จานนี่ ซุยเวอร์ลูน, โยนาส โอลส์สัน, อับดูลาย เมอิเต้, พอล โรบินสัน - โรเบิร์ต โคเรน, เจมส์ มอร์ริสัน, โจนาธาน กรีนนิ่ง, คิม โด เฮือน - ลุค มัวร์, โรมัน เบ็ดนาร์
สำรอง : ดีน ไคลี่ย์, คาร์ล ฮอฟเคนส์, อันดราเด้ เฟลิเป้ เตเซียร่า, เลออน บาร์เน็ตต์, เกร็ก บีทตี้, คริส บรันท์, แกรม โดร์แรนส์
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท - ปาโบล ซาบาเลต้า, ไมกาห์ ริชาร์ดส์, ริชาร์ด ดันน์, ไมเคิ่ล บอลล์ - แว็งซ็องต์ ก็องปานี, สตีเฟ่น ไอร์แลนด์, เกลสัน แฟร์กน็องเดส - ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์, ดาริอุส วาสเซลล์, เบนจานี่ เอ็มวารูวารี
สำรอง : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล, ดีทมาร์ ฮามันน์, ฮาเวียร์ การิโด้, เนดุม โอนูอา, เฟลิเป้ ไซเซโด้, เชด อีแวนส์, อดัม เคลย์ตัน
ภาพข่าวจาก http://sports.yahoo.com