ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก : เรอัล มาดริด - แมนฯ ซิตี้

ลูกยิงแฉลบของ แกเร็ธ เบล เป็นประตูที่จบเส้นทางของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ส่ง เรอัล มาดริด เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปพบกับ แอตเลติโก มาดริด คู่ปรับร่วมเมือง

เบล ซัดบอลไปติด แฟร์นานโด้ เข้าประตูในนาทีที่ 20 ซึ่งเป็นประตูเดียวที่เกิดขึ้นจากทั้งสองเกมที่ เอติฮัต สเตเดี้ยม และ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว

เกมนี้ แมนฯ ซิตี้ ไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งมาแสดงความอันตรายให้ เรอัล มาดริด ได้ แถมยังต้องเสียกัปตันทีม แว็งซองต์ ก็องปานี บาดเจ็บต้องออกจากสนามตั้งแต่ต้นเกม และเป็น โจ ฮาร์ท ที่โชว์ฟอร์มป้องกันได้สุดยอดอีกครั้งไม่อย่างนั้นสกอร์ไม่น่าจะเกิดขึ้นแค่ลูกเดียว

บทสรุปจากทั้งสองเกม ถือได้ว่า เรอัล มาดริด สมควรได้ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ และนี่จะเป็นการรีแมตช์นัดชิงจากเมื่อปี 2014 อีกครั้ง

เจ้าบ้านล่าสุดยืนยันแล้วว่า คาริม เบนเซม่า รวมถึง กาเซมิโร่ ลงไม่ได้ แต่ที่น่าห่วงกว่านั้นอีกก็คือเคสของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ดูเหมือนจะไม่สมบูรณ์เต็มร้อย ทำให้ความหวังในเกมรุกอาจจะฝากไว้ที่ แกเร็ธ เบล เท่านั้น ตำแหน่งอื่น ผู้รักษาประตูใช้ เคย์ลอร์ นาบาส ปราการหลังตัวกลาง เปเป้ กับ เซร์คิโอ รามอส แบ็กสองข้างเป็น ดาเนียล การ์บาฆาล กับ มาร์เซโล่ กองกลาง โทนี่ โครส กับ ลูก้า โมดริช คุมเกม และต้องดูว่า ซีเนอดีน จะส่งใครลงเล่นระหว่าง เฆเซ่ โรดริเกซ หรือ ฮาเมส โรดริเกซ

ส่วนทีมเยือนจะอดใช้งาน ดาบิด ซิลบา กองกลางตัวเก่งที่เจ็บเอ็นหลังหัวเข่า, ซาเมียร์ นาสรี่ ไม่ได้ถูกลงทะเบียนเล่นในรายการนี้ และยังต้องรอเช็คความฟิตของ ยาย่า ตูเร่ ผู้เล่นชุดแรกน่าจะเป็นประตูมือหนึ่ง โจ ฮาร์ท เซ็นเตอร์ฮาล์ฟคู่ นิโคลัส โอตาเมนดี้ กับ แว็งซ็องต์ ก็องปานี แบ็กซ้าย-ขวาเป็น กาแอล กลิชี่ กับ บาการี่ ซาญ่า แผงกองกลาง แฟร์นานดินโญ่ , แฟร์นานโด , เฆซุส นาบาส, ยาย่า ตูเร่ โดยมี ฟาเบียน เดลฟ์ เป็นตัวสอดแทรกแดนหน้ามี เควิน เดอ บรอยน์ ยืนต่ำ หน้าเป้า เซร์คิโอ อเกวโร่

ตามฟอร์มและตามหน้าเสื่อแล้ว เรอัล มาดริด ยังดูเหนือกว่า แมนฯ ซิตี้ แต่ถ้า โรนัลโด้ ไม่ฟิตตามที่ข่าวบอกจริง ๆ เชื่อว่าอันนี้เสียหายหลายแสนแน่