พลพรรคฝอยทอง โปรตุเกส เอาชนะ โปแลนด์ ในการดวลจุดโทษ ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ยูโร 2016 โดยที่ในทัวร์นาเมนต์นี้ยังไม่เคยเอาชนะคู่แข่งในเวลา 90 นาทีได้เลย
เกมนี้เริ่มมาก็มันแล้ว โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ยิงให้ โปแลนด์ ออกนำ 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 2 แต่หลังจากตั้งหลักได้ โปรตุเกสก็พยายามบุกอยู่พักใหญ่ และได้ประตูตีเสมอ 1-1 จากไอ้หนูดาวรุ่ง เรนาโต้ ซานเชส เป็นประตูแรกในนามทีมชาติของตัวเองด้วย
แต่หลังจากนั้นทั้งสองทีมพยายามเปิดเกมสู้กัน แต่ไม่สามารถทำอะไรกันได้จนการแข่งขันยืดเยื้อครบ 120 นาที ต้องไปตัดสินด้วยการยิงจุดโทษ
และในที่สุดก็เป็นฝั่งโปรตุเกสที่ได้เฮ เมื่อ ยาคุบ บาสซ์ชิคอฟสกี้ คนที่ 4 ของโปแลนด์ยิงพลาดไปโดน รุย ปาทริซิโอ เซฟได้ และ ริคาร์โด้ กวาเรสม่า เดินมาจัดการสังหารไม่พลาด
สำหรับ โปรตุเกส การผ่านเข้ารอบตัดเชือกโดยที่ยังไม่เคยเอาชนะในเวลาปกติได้ ถือว่าเป็นสถิติใหม่ที่ยังไม่เคยมีทีมใดทำได้มาก่อน
และนับตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม 3 เกม มาจนถึงรอบน็อกเอาท์อีก 2 เกม โปรตุเกส ยิงขึ้นนำคู่แข่งนับเป็นเวลารวมแล้วเพียงแค่ 22 นาทีเท่านั้น
โปแลนด์ จะได้ บาร์ตอสซ์ กาปุสต์ก้า กลับมาลงสนามได้หลังจากติดโทษแบนในรอบ 16 ทีมสุดท้าย กุนซือ อดัม นาวัลก้า กุนซือทีมชาติโปแลนด์อาจจะต้องมีการปรับทีมให้ผู้เล่นบางตัวได้พัก เพราะเกมกับสวิตเซอร์แลนด์ ใช้ 11 คนแรกเล่นยาวจนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ ก็น่าจะเป็น กาปุสต์ก้า ได้ลงเล่นแทน คามิล โกรซิชกี้ ในแนวรุก นายประตู ลูคัสซ์ ฟาเบียนส์ ที่เล่นดีมาตลอดตั้งแต่เกมแรก น่าจะได้ลงเฝ้าเสาต่อไป
ด้าน โปรตุเกส น่าจะเปลี่ยนทีมจากนัดที่ชนะโครเอเชีย อาเดรียน ซิลวา เซดริก โซอาเรส และ โชเซ่ ฟอนเต้ ที่ได้ลงสนามในเกมที่แล้วและเล่นดี น่าจะได้ลงตัวจริงอีกเกม ขณะที่ อังเดร โกเมส 3 นัดหลังฟอร์มไม่เข้าตามีสิทธิ์หลุด แต่ต้องดูว่าถ้าเปลี่ยนจะให้ใครลงแทน เพราะตัวเก๋าอย่าง ริคาร์โด้ กวาเรสม่า น่าจะถูกใช้สำหรับการลงมาเปลี่ยนเกม เช่นเดียวกับดาวรุ่งอย่าง เรนาโต้ ซานเชซ
สภาพของทั้งสองทีมถือว่าไม่ได้เปรียบเสียเปรียบกัน เพราะเล่นเต็ม 120 นาทีมาทั้งคู่ โปรตุเกสโดยภาพรวม 4 เกมในทัวร์นาเมนต์นี้ ถือว่าต่ำกว่ามาตรฐาน ขณะที่โปแลนด์ ดูจะทำได้เกินความคาดหมายแต่ก็ติดตรงที่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ดันมาฟอร์มฝืด ซึ่งบวกลบทุกด้านแล้ว ทำให้มองไม่ออกว่าใครจะเหนือกว่าใคร