แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หมดสิทธิ์ใช้ อิลคาย กุนโดกัน กับ กาเบรียล เชซุส ที่รักษาอาการบาดเจ็บยาว, ผู้รักษาประตูชาวอาร์เจนไตน์ วิลลี่ กาบาเยโร่, ปราการหลังคู่ นิโกลัส โอตาเมนดี้ กับ จอห์น สโตนส์, แบ็คซ้าย อเล็คซานดาร์ โคลารอฟ, แบ็คขวา ปาโบล ซาบาเลต้า หรือบาการี่ ซาญ่า, กองกลาง แฟร์นันดินโญ่, ยาย่า ตูเร่, ดาบิด ซิลบา หรือ เฆซุส นาบาส, เควิน เดอ บรอยน์, ลีรอย ซาเน่, หน้าเป้า เซร์คิโอ อเกวโร่
ลิเวอร์พูล พลาดใช้ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่ยังเจ็บอยู่, ผู้รักษาประตูชาวเบลเยียม ซิมง มินโญเลต์, คู่ปราการหลัง โจเอล มาติป กับ เดยัน ลอฟเรน, แบ็คซ้าย เจมส์ มิลเนอร์, แบ็คขวา เนธาเนียล ไคลน์, แดนกลาง จอร์จินโย่ ไวนัลดุม, เอ็มเร่ ชาน, อดัม ลัลลาน่า, สามแนวรุก ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, ซาดิโอ มาเน่ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ หรือ ดีว็อค โอรีกี
ที่สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อันดับ 3 ห้านัดหลัง ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 1 ล่าสุดไปแพ้ โมนาโก จบเส้นทางแค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย แชมเปี้ยนลีก ฟาก ลิเวอร์พูล อันดับ 4 ห้านัดหลัง ชนะ 3 แพ้ 2 ล่าสุดเล่นในบ้านชนะ เบิร์นลี่ย์ กับบิ๊กแมตช์พรีเมียร์ลีก ประจำวันอาทิตย์ และเป็นเกมลุ้นขึ้นมู่รองจ่าฝูง เรือใบสีฟ้า ผลงานดร็อปลงมาจากนัดล่าสุด และใช้พลังงานไปมากโข ล้าแน่ๆ จากนัดกลางสัปดาห์ ส่วน หงษ์แดง ฟอร์มกำลังดีขึ้นเรื่อยๆ และสถิติสองครั้งล่าสุดที่พบกันของคู่นี้ก็ย้ำชัดว่า ทีมของคล็อปป์ ดีกว่าเยอะ แถมยังฟิตพร้อมสู้ น่าจะเสมอได้เป็นอย่างน้อย
ฟันธง : หงส์แดง แรงฤทธิ์